“อุทยานแห่งชาติของญี่ปุ่น” คืออะไร?
อุทยานแห่งชาติ คือแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล โดยมีเกณฑ์ที่เข้มงวดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติ และความสะดวกในการเดินทาง เป็นต้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณที่รัฐบาลเป็นผู้ดูแล แต่รัฐบาลก็ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ดังนั้นจุดเด่นอย่างหนึ่งของอุทยานแห่งชาติที่ญี่ปุ่นจึงเป็นการที่มีผู้คนอาศัยอยู่จำนวนมากนั่นเอง ถือว่าแตกต่างกับอเมริกาที่รัฐบาลกลางถือกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินและทรัพยากรภายในอุทยานเป็นอย่างมาก
อุทยานแห่งชาติของญี่ปุ่นนั้น ไม่เพียงแต่มีทิวทัศน์ของธรรมชาติที่ได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ยังมีออนเซ็น มีแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การปีนเขา ให้คุณได้ลองอีกด้วย
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 3 อุทยานแห่งชาติในภูมิภาคคันโต พร้อมวิธีท่องเที่ยวและสเน่ห์ของแต่ละแห่ง ลองนำไปใช้ประกอบการแพลนทริปคันโตของคุณในอนาคตดู!
“อุทยานแห่งชาตินิกโก้” ธรรมชาติหลากสีพร้อมศาลเจ้ามรดกโลก!
พื้นที่ 114,908 เฮกเตอร์ / นักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 16 ล้านคนต่อปี
อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (日光国立公園) ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ จังหวัดโทชิกิ และจังหวัดกุนมะ อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันสวยงามของทิวเขา ทะเลสาบ น้ำตก และห้วยหนองคลองบึงต่างๆ แถมยังมีศาลเจ้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
ในบริเวณนี้มีภูเขาจำนวนมาก ทั้งภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคคันโตตอนเหนืออย่างภูเขาชิราเนะ (白根山 ความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,578 เมตร) ภูเขาศักดิ์สิทธ์อย่างภูเขานันไท (男体山 ความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,486 เมตร) และภูเขาไฟมีพลังอย่างภูเขานาสึดาเคะ (那須岳 ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,917 เมตร)
นอกจากนี้ที่บริเวณเชิงเขายังมีที่ราบสูง ทะเลสาบและน้ำตกอันสวยงามที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ และยังมีหุบเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีวัดและศาลเจ้าอีกมากมาย (日光の社寺) ที่ล้วนแต่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเก่าแก่เหล่านี้ผสมผสานกันได้ลงตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ แถมคุณยังสามารถเดินทางจากโตเกียวมายังนิกโก้ได้ไม่ยาก ด้วยรถไฟหรือรถยนต์ส่วนตัว จึงทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ชื่อ | อุทยานแห่งชาตินิกโก้ |
---|---|
ที่อยู่ | 9-5 Honchō, Nikko, Tochigi 321-1434 (สำนักงานอุทยานนิกโก้) Google Maps |
การเดินทาง | นั่งชินคันเซนจากสถานีโตเกียวมาลงที่ Utsunomiya (宇都宮 50 นาที) แล้วนั่ง JR สาย Nikko Line (50 นาที) มาลงสถานีนิกโก้ จากนั้นนั่งบัสมาลงที่ Nikkotoshogu (日光東照宮 7 นาที) |
เว็บไซต์ (อังกฤษ) | https://www.env.go.jp/en/nature/nps/park/nikko/index.html |
เว็บไซต์ | https://www.env.go.jp/park/nikko/index.html |
อื่นๆ | โปรดระวังหมี |
“อุทยานแห่งชาติโอเซะ” เพลิดเพลินดอกไม้ริมบึงในหน้าร้อน!
พื้นที่ 37,222 เฮกเตอร์ / นักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 280,000 คนต่อปี
จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติโอเซะ (尾瀬国立公園) ก็คือทัศนียภาพอันงดงามของที่ลุ่มโอเซะกาฮาระ (小瀬ヶ原湿原) รวมถึงภูเขาน้อยใหญ่อย่างภูเขาชิบุตสึ (至仏山) ภูเขาฮิอุจิกาทาเคะ (燧ケ岳) ภูเขาไอสึโคมากาทาเคะ (会津駒ケ岳) ภูเขาทาชิโระ (田代山) และภูเขาไทชาคุ (帝釈山) ที่รายล้อมรอบบึงโอเซะ (尾瀬沼) อยู่นั่นเอง
อุทยานแห่งชาติโอเซะกินพื้นที่ทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุกุชิมะ จังหวัดโทชิกิ จังหวัดกุนมะ และจังหวัดนีกาตะ
ที่ญี่ปุ่นมีเพลงที่โด่งดังเพลงหนึ่งชื่อว่า “ความทรงจำในฤดูร้อน (夏の思い出)” เพลงนี้กล่าวถึงดอกมิสึบะโช (ミズバショウ) ที่เบ่งบานในบึงโอเซะ ในอดีตธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติโอเซะแห่งนี้เคยอยู่ในภาวะวิกฤต แต่ด้วยความร่วมมือของคนจำนวนมาก ก็ทำให้ธรรมชาติยังได้รับการรักษาไว้อยู่
ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู แต่ช่วงที่เราแนะนำที่สุดคือช่วงต้นฤดูร้อน ที่ราบลุ่มอายาเมะไดระ (アヤメ平) ซึ่งอยู่ทางบริเวณสันเขาฝั่งตะวันตกของโอเซะกาฮาระนั้นอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก หิมะจึงละลายช้า ทำให้ดอกไม้ส่วนใหญ่จะบานเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ สีเหลืองของหมู่ดอกคิงโคกะ (キンコウカ) นั้นสวยจนได้รับชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ (天上の楽園) เลยทีเดียว
ในบริเวณโอเซะกาฮาระและบึงโอเซะนั้น ได้มีการสร้างทางเดินไม้เอาไว้กลางบึง ทำให้คุณสามารถชื่นชมดอกมิสึบะโชสีขาว และดอกนิกโคคิสึเกะ (ニッコウキスゲ daylily) สีเหลืองระหว่างเดินเขาได้ นอกจากนี้ที่นี้ยังมีพืชพรรณอีกมากมาย รวมไปถึงพืชที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นมากถึง 10 สกุล 19 ชนิดเลยล่ะ!
ชื่อ | อุทยานแห่งชาติโอเซะ |
---|---|
ที่อยู่ | 1 Hiuchigadake, Hinoemata, Minamiaizu District, Fukushima 967-0531 (ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโอเซะ) Google Maps |
การเดินทาง | จากสถานี JR Tokyo นั่ง Joetsu Shinkansen มาลงสถานี JR Takasaki (高崎 50 นาที) แล้วต่อรถไฟสาย Joetsu มาลงสถานี JR Numata (沼田 50 นาที) จากนั้นนั่งบัสมาลงที่ Ose Tokura (小瀬戸倉 90 นาที) |
เว็บไซต์ (อังกฤษ) | https://www.env.go.jp/en/nature/nps/park/oze/index.html |
เว็บไซต์ | https://www.env.go.jp/park/oze/index.html |
อื่นๆ | ・ที่โอเซะไม่มีถังขยะ ต้องนำขยะกลับไปทิ้งเองที่บ้าน ・มีหมีควาย (Tsukinowaguma) อาศัยอยู่ ・สำหรับมือใหม่ไม่แนะนำให้ปีนเขาหรือเดินเขาในช่วงฤดูหนาว (พ.ย. – เม.ย.) |
“อุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค” ป่าและหุบเขาที่ใกล้โตเกียวที่สุด!
พื้นที่ 126,259 เฮกเตอร์ / นักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 13,390,000 คนต่อปี
อุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค (秩父多摩甲斐国立公園) มีพื้นที่ในบริเวณ 4 จังหวัด ได้แก่จังหวัดไซตามะ จังหวัดโตเกียว จังหวัดยามานาชิ และจังหวัดนากาโนะ และยังเป็นอุทยานที่อยู่ใกล้โตเกียวที่สุด คุณสามารถเดินทางมาด้วยรถไฟธรรมดาเพื่อมาปีนเขาได้
เทือกเขาโอคุชิจิบุ (奥秩父山塊) เต็มไปด้วยยอดเขาสูงกว่า 2,000 เมตร รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในโตเกียวอย่างยอดเขาคุโมโทริ (雲取山) ซึ่งสูง 2,017 เมตร นอกจากนี้เทือกเขาแห่งนี้ยังเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญต่างๆ ในเขตคันโตและเกาะฮอนชูตอนกลางอีกด้วย ด้วยการกัดเซาะของแม่น้ำเหล่านี้ทำให้เกิดเป็นทิวทัศน์ของหุบเขารูปตัว V ให้พวกเราได้ชื่นชมกันทุกวันนี้
เนื่องจากอยู่ใกล้โตเกียวที่สุดในบรรดาอุทยานแห่งชาติทั้งหมด จึงทำให้เดินทางง่ายและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกเหนือจากการปีนเขาและการเดินเขาแล้ว ยังมีลานกางเต็นท์ และลำธารสำหรับตกปลาที่มีปลานานาชนิด รวมไปถึงปลาอิวานะ (イワナ – Char) และปลายามาเมะ (ヤマメ – Killifish) คุณสามารถย่างปลาที่เพิ่งตกกินตรงนั้นเลยได้!
นอกจากนี้ยังมีจุดที่เหมาะกับการปีนเขาบริเวณหนองน้ำและน้ำตก (沢登り – ghyll scrambling) รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่รอคุณไปเยือนอยู่!
ชื่อ | อุทยานแห่งชาติชิจิบุทามะไค |
---|---|
ที่อยู่ | 171-1 Hikawa, Okutama, Nishitama District, Tokyo, Tokyo 198-0212 (ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโอคุทามะ โตเกียว) Google Maps |
การเดินทาง | จากสถานีโตเกียว นั่ง JR Chuo line มาลงสถานี Ome (青梅 90 นาที) แล้วนั่ง JR Ome line มาลงที่สถานี Okutama (奥多摩 40 นาที) จากสถานีสามารถเดินไปยังศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวได้ (1 นาที) |
เว็บไซต์ (อังกฤษ) | https://www.env.go.jp/en/nature/nps/park/chichibu/index.html |
เว็บไซต์ | https://www.env.go.jp/park/chichibu/index.html |
อื่นๆ | โปรดระวังหมี และอย่าเดินออกนอกเส้นทางปีนเขา |
ส่งท้าย
ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้เขตเมืองหลวง แต่ก็มีธรรมชาติอยู่มากมายให้คุณชื่นชม แถมยังสามารถเดินทางมาได้โดยรถไฟหรือบัสกลางคืนที่ไม่แพงมากได้ จึงเป็นอีกแหล่งที่คู่ควรแก่การลองมาเยือนดูสักครั้ง!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่