ช่องเขียนโฆษณาตัวเองในเรซูเม่แบบญี่ปุ่นคืออะไร?
เรซูเม่ที่ต้องส่งให้บริษัทต่างๆ ระหว่างการหางานนั้น เป็นเอกสารที่ต้องใช้กรอกประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน และทักษะ ถือเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการพิจารณาคัดเลือกบุคลากรของทางบริษัท
รูปแบบของเรซูเม่ญี่ปุ่นโดยทั่วไปนั้น นอกจากจะมีช่องสำหรับกรอกประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน และทักษะแล้ว ยังมีช่องให้เขียนคำ “โฆษณาตัวเอง” เพื่อพรีเซนต์เกี่ยวกับอุปนิสัยหรือข้อดีของผู้สมัครด้วย ทางบริษัทจะอ่านช่องโฆษณาตัวเองเพื่อให้ทราบว่าผู้สมัครเป็นคนอย่างไร มีความสามารถอะไรบ้าง เพื่อตัดสินว่าผู้สมัครเป็นบุคลากรที่บริษัทต้องการหรือไม่
เทคนิคในการเขียนโฆษณาตัวเอง
ในส่วนนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับข้อควรระวังในการเขียนโฆษณาตัวเองกัน
บริษัทจะตัดสินจากคำโฆษณาตัวเองของผู้สมัครว่าเหมาะที่จะทำงานกับทางบริษัทหรือไม่ ดังนั้นจึงควรดูรายละเอียดการสมัครให้แน่ใจเสียก่อนว่าบริษัทต้องการคนแบบไหน แล้วจึงเขียนอุปนิสัย ความสามารถ ผลงานในบริษัทเก่า และประสบการณ์ เพื่อพรีเซนต์จุดแข็งของตัวเองให้สอดคล้องกับตำแหน่งที่สมัครไป
การเขียนโฆษณาตัวเองไม่ใช่แค่การเรียบเรียงข้อดีหรือความสามารถเท่านั้น แต่ควรเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์หรือผลงานที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อความน่าเชื่อถือด้วย
โดยเราได้ยกตัวอย่างเทคนิคการเขียนโฆษณาตัวเองที่ทำให้กรรมการประทับใจมาให้ตามด้านล่างนี้ :
・เขียนข้อดีและความสามารถที่ทำให้บริษัททราบว่าคุณเป็นบุคลากรที่บริษัทต้องการ
・เขียนผลงานและการประเมินอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้ประกอบให้ข้อดีของเราน่าเชื่อถือ
・เขียนประสบการณ์ยากลำบากที่คุณพยายามหรือพลิกแพลงให้สามารถผ่านปัญหามาได้ จนมีผลงานหรือได้รับการประเมินที่ดีในที่สุด
・เขียนว่าคุณจะนำข้อดีไปใช้ประโยชน์ให้กับบริษัทได้อย่างไรในอนาคต
หากจำเนื้อหาข้างต้นนี้ได้ขึ้นใจก็น่าจะทำให้คุณเขียนคำโฆษณาตัวเองที่สามารถโน้มน้าวใจกรรมการ และพรีเซนต์ความสามารถให้ตรงกับที่บริษัทต้องการได้แล้ว
การโฆษณาตัวเองมีแค่ในเรซูเม่เท่านั้นหรือ?
เวลาสมัครงาน คุณอย่าเพิ่งวางใจว่าเพียงแค่เขียนโฆษณาตัวเองลงในเรซูเม่ก็พอแล้ว เพราะในการสัมภาษณ์หลังรอบคัดเลือกจากเอกสารจะมีการถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขียนอยู่ในคำโฆษณาตัวเองด้วยแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้น คำถามจำพวก “คุณมีความถนัดด้านใด?” และ “หากเข้าทำงานแล้วจะทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง?” จะเป็นโอกาสที่ดีในการพรีเซนต์ข้อดีของคุณเพื่อให้ได้งาน ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพูดโฆษณาตัวเองขณะสัมภาษณ์ด้วย
การโฆษณาตัวเองในตอนสัมภาษณ์จะไม่ใช่แค่ท่องจำเนื้อหาที่กรอกลงในเรซูเม่แล้วพูดตามนั้น แต่คุณควรพูดถึงสิ่งที่เคยทำในอดีต และดูว่าจะสามารถนำประสบการณ์นั้นมาใช้ประโยชน์ในปัจจุบันได้อย่างไร หากได้เข้าทำงานแล้วจะทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง รวมถึงสิ่งที่คุณอยากทำหรืออยากเรียนรู้จากการทำงานในบริษัทดังกล่าว เราขอแนะนำว่าคุณควรอธิบายให้กรรมการเห็นภาพ หรือผสมผสานเรื่องราวที่เคยเจอมาลงไปด้วย เพราะจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารเลยทีเดียว
คุณอาจจะอยากพรีเซนต์ตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะนึกได้ แต่หากมีข้อมูลมากเกินไปก็จะส่งผลให้แต่ละเรื่องไม่เป็นที่น่าจดจำในสายตากรรมการก็ได้ ดังนั้นจึงควรระวังในเรื่องนี้ด้วย
ยิ่งเขียนเก่งก็ยิ่งมีโอกาสผ่านสัมภาษณ์! แนะนำการเขียนโฆษณาตัวเองอย่างมืออาชีพ
กรรมการสัมภาษณ์ของบริษัทจะดูคำโฆษณาตัวเองเพื่อพิจารณาว่าเมื่อผู้สมัครเข้าทำงานในตำแหน่งดังกล่าวจะสามารถสร้างผลงานให้กับทางบริษัทได้อย่างไร คุณจึงควรทำความเข้าใจให้แน่ชัดเสียก่อนว่าบริษัทต้องการบุคลากรแบบไหน หรือคาดหวังการทำงานแบบใด แล้วจึงเขียนคำโฆษณาตัวเองโดยอ้างอิงจากประเด็นดังกล่าว หากทำเช่นนั้นโอกาสผ่านงานรอบคัดเลือกจากเอกสารก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เราได้ยกตัวอย่างคำโฆษณาตัวเองโดยแยกตามประเภทอาชีพสำหรับใช้อ้างอิงมาให้ดังนี้ :
・พนักงานต้อนรับในโรงแรม
จุดแข็งของฉัน คือ ความรักในงานบริการที่ต้องอาศัยความเอาใจใส่ โรงแรมที่ทำงานอยู่ตอนนี้มีลูกค้าจากหลายประเทศ ทำให้ความต้องการของลูกค้าแตกต่างกันไปตามพฤติกรรมส่วนบุคคลและจุดประสงค์ในการเข้าพัก ดังนั้น ฉันจึงมักจะตรวจสอบประเทศของลูกค้าตามรายการจองเข้าพักล่วงหน้า และทักทายพวกเขาด้วยภาษาในประเทศนั้นตอนเช็คอิน อีกทั้งยังตรวจสอบร้านอาหารแถวโรงแรมที่มีชื่อเสียงในหมู่คนประเทศนั้นล่วงหน้าแล้วสร้างแผนที่ทำมือขึ้นมาเองด้วย เหตุผลที่ฉันใส่ใจดูแลลูกค้าขนาดนี้เป็นเพราะฉันอยากให้ลูกค้าแต่ละท่านได้เพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่ระหว่างเข้าพักนั่นเอง
ผลคือฉันได้รับรางวัล “พนักงานต้อนรับดีเด่น” สามปีซ้อนตั้งแต่ปี 2017 โดยประเมินจากแบบสอบถามของผู้เข้าพัก
ฉันมั่นใจว่าความพยายามเล็กๆ น้อยๆ ที่ตนเองสั่งสมมาในแต่ละวันนี้จะสร้างประโยชน์ให้ลูกค้าที่มาเข้าพักในโรงแรมของท่านเกิดความพอใจมากยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
・ตำแหน่งฝ่ายขาย บริษัทเอกชน
ปัจจุบันฉันทำงานอยู่ในฝ่ายขายคอมพิวเตอร์ของบริษัทเอกชน ตอนนี้ฉันรับผิดชอบลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่จำนวน 18 บริษัท ผลงานที่ผ่านมาของฉันนั้นสามารถทำยอดขายได้ถึง 115% ซึ่งเป็นยอดเป้าหมายของครึ่งปีแรก และสามารถรักษาอันดับ 1 จากพนักงานทั้งหมด 38 คนในแผนกบริหารได้ ต้นตอความสำเร็จคงมาจากการที่ฉันทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ฉันรู้มาว่าบริษัทผลิตอาหารมีความล้าสมัยในด้าน IT จึงเข้าไปสอบถามกับผู้ผลิตอาหารรายใหญ่โดยตรงเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า แล้วยื่นข้อเสนอโดยคำนวณให้เห็นภาพว่าหากใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัทเราเพื่อปรับเปลี่ยนบริษัทของลูกค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้นแล้วจะทำกำไรได้เท่าไร ผลคือฉันสามารถหาลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขายได้สำเร็จ
ฉันจึงอยากใช้ความสามารถในการทำความเข้าใจอุปสงค์นี้ในการมุ่งมั่นหาลูกค้าใหม่ให้บริษัทของท่าน
・นักออกแบบเว็บไซต์
ในบริษัทเก่า ฉันทำงานอยู่ในตำแหน่งวางแผนและออกแบบเว็บไซต์ และได้รับความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนออเดอร์ได้มากถึง 110% ใน 1 ปี ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะฉันมักจะคิดการล่วงหน้าและวางแผนอย่างระมัดระวัง ฉันคาดคะเนจำนวนตัวเลขหลังการเผยแพร่ จากนั้นก็สำรวจตลาดในแต่ละช่วงเวลาอย่างละเอียด แล้วจึงนำไปปรับใช้ในการออกแบบ จากนั้นก็สร้างแผนการประเมินในแต่ละช่วงเวลาหลังเปิดใช้งาน พร้อมติดตามผลลัพธ์อย่างละเอียด จึงทำให้ลูกค้าไว้วางใจว่าเราจะสามารถช่วยให้พวกเขาบริหารเว็บไซต์ได้อย่างราบรื่น และหันมาใช้บริการเพิ่มขึ้น
ฉันมั่นใจว่าจะสามารถใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ภาพรวมของแผนงานได้อย่างทะลุปรุโปร่งและทักษะต่างๆ ที่สั่งสมมาจากประสบการณ์เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัทของท่านได้อย่างแน่นอน
สรุป
ข้อความโฆษณาตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเลือกรับคนเข้าทำงานในบริษัท หากจะบอกว่าคำโฆษณาที่ผ่านการเรียบเรียงมาอย่างดีมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในการหางานมากก็ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงไปเลย
เราอยากให้คุณใช้ประโยชน์จากบทความนี้เพื่อศึกษาเทคนิคการเขียนโฆษณาตัวเองในแบบที่สามารถโน้มน้าวใจผู้ฟัง และบอกเล่าความสามารถที่เหมาะสมกับทางบริษัทที่สมัครงานไปได้อย่างถูกวิธี
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่