บางคนอาจจะคิดว่าการหากิจกรรมอาสาเป็นเรื่องที่ยาก ยิ่งคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ในบทความนี้ เราได้รวบรวมองค์กรจำนวนหนึ่งที่จัดการกับปัญหาสังคมต่างๆ ตั้งแต่การแจกจ่ายอาหารให้ผู้ที่ขัดสน การทำความสะอาดชายหาด หรือแม้กระทั่งการดูแลสุนัขและแมวที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย!
1. คืนประโยชน์สู่ชุมชนกับ Second Harvest Japan
Second Harvest Japan (2HJ) เป็นธนาคารอาหารระดับประเทศแห่งแรกของญี่ปุ่น ที่รับบริจาคอาหารส่วนเกินจากบรรดาร้านค้าปลีก โรงงาน เจ้าของฟาร์ม และบุคคลทั่วๆ ไป เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนที่ต้องการ ซึ่งผู้ที่รับอาหารเหล่านี้ไปก็จะมีทั้งหน่วยงานสวัสดิการต่างๆ, สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า, คนไร้บ้าน, ที่พักพิงสตรี ฯลฯ
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
แม้ญี่ปุ่นจะดูเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ต้องการปัจจัยยังชีพขั้นพื้นฐาน จากตัวเลขของ OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) ได้ระบุเอาไว้ว่า อัตราความยากจนของประเทศญี่ปุ่นใน ค.ศ. 2015 นั้นอยู่ที่ 16% ซึ่งหมายความว่ามีคนจน 1 คนในประชากรทุกๆ 6 คน แต่เรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ในจำนวนประชากรกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศที่อยู่ต่ำว่าเส้นความยากจนในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีเพียง 4,500 คนเท่านั้นที่เป็นคนไร้บ้าน ซึ่งแปลว่าผู้ขาดแคลนอาหารส่วนมากนั้นแทบจะถูกมองข้ามและไม่มีความช่วยเหลือที่เข้าถึงได้เลย
Second Harvest Japan ทำหน้าที่ในฐานะธนาคารอาหารที่บริษัทต่างๆ และบุคคลทั่วไปสามารถบริจาคอาหารส่วนเกินเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนที่ต้องการ รวมถึงช่วยส่งต่ออาหารให้องค์กรต่างๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่ประสบกับภาวะความไม่มั่นคงทางอาหาร
อาหารส่วนเกินคืออะไร? มันคืออาหารที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับการรับประทาน แต่จำเป็นต้องถูกทิ้งเนื่องจากเหตุผลและกฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น ไม่สามารถจัดส่งได้ตามเวลาที่กำหนด, เป็นผลิตผลที่เกินมา, การลดมูลค่าบัญชีทรัพย์สินของคลังสินค้า, ความผิดพลาดของบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ส่งผลให้เกิดขยะจำนวนมหาศาลที่ต้องสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ (แต่เรื่องขยะนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง เราจึงขอจบไว้ไว้แต่เพียงเท่านี้)
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสนับสนุน Second Harvest Japan คือ บริจาคเวลาของคุณ อาหารจะถูกแจกจ่ายผ่านทาง Harvest Pantry ไปยังบุคคลทั่วไปและครอบครัวที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ คุณสามารถมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ เช่น การส่งอาหาร แพ็กอาหาร เตรียมอาหาร ฯลฯ ได้ ซึ่งทางธนาคารก็ได้บอกไว้ชัดเจนเลยว่า ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับงานประเภทนี้เลย
2. รักษาความสะอาดของชายหาดและแม่น้ำไปกับ Tokyo River Friends และ SEGO Initiative
Tokyo River Friends เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อทำความสะอาดแม่น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยปกติแล้วมักจะมาพร้อมกับกิจกรรมแสนสนุกต่างๆ เช่น การปิกนิกหรือบาร์บีคิวริมแม่น้ำและริมอ่าวโตเกียวหลังจบงาน
SEGO Initiative เป็นโครงการที่พัฒนาจาก Fujisawa Beach Cleaning Project ซึ่งจัดงานทำความสะอาดชายหาด สวนสาธารณะ และศาลเจ้าบนชายฝั่งเมืองฟูจิซาวะ (Fujisawa) และชายฝั่งเอโนชิมะ (Enoshima) บนเกาะโชนัน (Shonan) งานใหญ่เหล่านี้จะถูกจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง และในขณะเดียวกันก็มีการให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สำหรับการทำวิจัยระบบนิเวศน้ำเค็มระดับโลกไปพร้อมๆ กันด้วย
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
ถึงแม้ว่าแม่น้ำญี่ปุ่นจะดูใสสะอาดมาก แต่หากคุณเข้าไปมองใกล้ๆ ก็จะพบว่ามีขยะทิ้งรวมกันอยู่เป็นจุดๆ ตามริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งจากการสำรวจก็พบว่าขยะ 3 ประเภทที่พบตามริมฝั่งแม่น้ำ ชายหาด และทะเลสาบมากที่สุดมีดังนี้ :
1. ขวดน้ำดื่ม (PET)
2. ถุงพลาสติก
3. แก้วเครื่องดื่มแบบใช้แล้วทิ้ง
Tokyo River Friends รายงานว่าพวกเขาเก็บขยะได้ประมาณ 9,000 กิโลกรัมจากการทำความสะอาดแม่น้ำอารากาวะใน ค.ศ. 2020 และทางกระทรวงสิ่งแวดล้อมเองก็มีการประมาณการไว้เช่นกันว่าในแต่ละปีจะมีขยะพลาสติกในประเทศญี่ปุ่นกว่า 60,000 ตัน ถูกทิ้งลงมหาสมุทร
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
Tokyo River Friends จะมีตารางทำความสะอาดช่วงวันสุดสัปดาห์อยู่ทุกๆ 1 – 2 สัปดาห์ ดังนั้น เพียงคุณเช็กตารางเพื่อดูรายละเอียดและไปร่วมงานตามเวลาที่กำหนด พร้อมกับนำขนมติดตัวไปสักเล็กน้อย (หากเป็นไปได้ขอให้ใช้ถุงให้น้อยที่สุดด้วย!) แล้วสนุกไปกับการปิกนิกกับเหล่าทีมงานหลังจบกิจกรรมได้เลย!
นอกจากงานทำความสะอาดชุมชนครั้งใหญ่เป็นประจำปีละ 2 ครั้งแล้ว SEGO Initiative ยังมีส่วนช่วยบริษัทต่างๆ ในการจัดกิจกรรมอาสาที่มีการใช้ 2 ภาษาด้วย กิจกรรมนี้เป็นมิตรต่อครอบครัว ทั้งยังดีต่อการสร้างความสัมพันธ์แบบทีม อีกทั้งยังทำให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นได้อย่างน่าประทับใจด้วย นอกจากนี้ SEGO Initiative ยังมีโครงการในพื้นที่อื่นๆ อีกมากมาย เช่น การสนับสนุนฟาร์มออร์แกนิกในพื้นที่บนเกาะโชนัน และการสนับสนุนเจ้าของสวนโกโก้ที่อยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา
3. ช่วยชีวิตคนไปกับ TELL (Tokyo English Lifeline)
TELL ได้ให้การสนับสนุนและคำปรึกษาแก่ประชาคมระหว่างประเทศของญี่ปุ่น โดยจะเน้นในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต และป้องกันการฆ่าตัวตายผ่านบริการ TELL Lifeline ซึ่งเป็นบริการที่ให้คำปรึกษาและข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์แบบฟรีๆ โดยไม่มีการเปิดเผยตัวตนหรือข้อมูลของผู้ที่โทรมาแต่อย่างใด
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
การฆ่าตัวตายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 และเป็นประเทศเดียวที่การฆ่าตัวตายนำไปสู่สาเหตุการเสียชีวิตในกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยจะมี 1 คนในทุกๆ 4 คนที่ “คิดเรื่องฆ่าตัวตายอย่างจริงจัง” อยู่ แต่การเสียชีวิตเหล่านี้ก็สามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการทางสังคมต่างๆ รวมถึงสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด อย่างการมีใครสักคนให้พูดคุยด้วย
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
คุณสามารถเป็นอาสาสมัครให้กับ TELLผ่านทาง Lifeline ได้ และเมื่อสมัครแล้วคุณก็จะต้องทำงานในโครงการพิเศษต่างๆ หรืองานอีเวนต์ระดมทุน ทีมงานของ Lifeline ทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมและฝึกงานก่อนจึงจะสามารถรับสายได้ นอกจากนี้ ทาง TELL ยังต้องการทีมงานอาสาสมัครสำหรับช่วยงานอีเวนต์ที่มีการจัดขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งปีด้วย งานนี้สำคัญต่อการระดมทุนและการสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคม ในบางครั้ง ทีมงานอาสาสมัครยังมีโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในออฟฟิศของ TELL ด้วย โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขากำลังมีโครงการพิเศษ
4. จัดงานอีเวนต์แสนตื่นเต้นให้กับ Run For The Cure Japan (RFTC)
Run For The Cure Japan (RFTC) เป็นผู้นำด้านมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมของญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์และดำเนินโครงการเพื่อเข้าถึงชุมชน พวกเขาจะมีการจัดการศึกษาและออกแบบโครงการที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ที่รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านม รวมทั้งมีการหาทุนสำหรับการตรวจเต้านมด้วยเครื่องเอ็กซเรย์และบริจาคเงินทุนเพื่อองค์กรที่โปรโมทกิจกรรมที่ตรงกับพันธกิจของมูลนิธิโดยเฉพาะด้วย
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวน 1ใน 11 คนถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นมะเร็งอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตผู้หญิงอายุระหว่าง 25 – 55 ปีไปมากที่สุด มูลนิธิ RFTC ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคนี้ให้มากขึ้น อีกทั้งยังมีการสนับสนุนการตรวจโรคอย่างมีคุณภาพ ทำให้สามารถตรวจพบได้ไวและทำการรักษาโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อชีวิตนี้ได้อย่างทันท่วงที
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
RFTC จัดงานอีเวนต์ที่น่าตื่นเต้นมากมายตลอดทั้งปี เช่น งาน Pink Ball (อีเวนต์การกุศลของมูลนิธิที่ใหญ่ที่สุดของปี) และงาน Tokyo Run (งานวิ่งรอบพระราชวังอิมพีเรียลประจำปี) และมักจะต้องการอาสาสมัครเพื่อมาช่วยงาน เป็นกิจกรรมที่ดีมากสำหรับคนที่มีประสบการณ์ หรือต้องการหาประสบการณ์การจัดการงานอีเวนต์ในระดับนานาชาติและเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดการเหตุการณ์สำคัญในระดับประเทศ
5. หางานที่ใช่ใน HandsOn Tokyo
HandsOn Tokyo มีการร่วมมือกับองค์กรและผู้สนับสนุนต่างๆ มากมาย เป็นโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานอาสาสมัครสามารถได้เลือกว่าอยากจะมีส่วนร่วมในงานอีเวนต์หรือกิจกรรมใด จากนั้นจึงค่อยลงทะเบียนผ่านทางปฏิทินของพวกเขา ซึ่งงานอีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ นั้นก็จะมีทั้งการสนับสนุนเด็กชายขอบ ผู้พิการทางร่างกาย ผู้สูงอายุ และคนกลุ่มน้อยอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
เบื้องหลังความวุ่นวายและความน่าตื่นเต้นของเมืองใหญ่ทั้งหลาย (รวมถึงโตเกียว) ต่างก็มีคนจำนวนมากที่ถูกสังคมมองว่าด้อยคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก คนชราและผู้พิการทางร่างกาย ซึ่งทาง HandsOn นั้นต้องการให้ผู้ที่สนใจในการทำงานที่มีประโยชน์ ผู้ที่มีความพร้อมในการอุปการะ และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนให้สามารถเข้าถึงโอกาสในการทำงานอาสาสมัครมากขึ้น
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
หลังจากที่ลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครเรียบร้อยแล้ว ขอให้เข้าไปเช็กในปฏิทินเพื่อหางานอีเวนต์ที่เหมาะกับตารางเวลา ความสนใจ และทักษะของคุณ จากนั้นก็กดสมัครไป เท่านี้ก็เรียบร้อย
6. ใช้ทักษะการระดมทุนของคุณไปกับการทำงานที่ Refugee Empowerment International (REI)
Refugee Empowerment International (REI) เป็นองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งจะคอยระดมทุนโครงการเพื่อผู้พลัดถิ่นเนื่องจากความขัดแย้งทั่วโลก หรือ REI พวกเขาเพิ่มทุนเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ชีวิตอิสระตามปกติขณะอยู่ใกล้ๆ บ้านและคนที่พวกเขารัก
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
ในทุกๆ วัน มีผู้ที่ต้องย้ายถิ่นฐานเฉลี่ยราว 30,000 คน ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ความขัดแย้งในเรื่องอาวุธ การสังหารหมู่ รวมถึงการสังหารระดับชุมชน องค์การสหประชาชาติมีการประมาณการในช่วงสิ้นปี ค.ศ. 2019 ว่าจะมีประชากร 79.5 ล้านคนทั่วโลกที่ถูกบังคับให้ต้องพลัดถิ่นฐานเนื่องจากการถูกข่มเหง ความขัดแย้ง ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งคิดเป็น 1% ของประชากรโลกหรือมากกว่า 60% ของประชากรทั่วญี่ปุ่น
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
REI ต้องการอาสาสมัครที่มีทักษะต่างๆ เช่น การระดมทุน, การจัดกิจกรรมที่ไม่แสวงหาผลกำไร (CSR), การประชาสัมพันธ์ (PR), การตลาด และการจัดงานอีเวนต์ โดยต้องเป็นผู้ที่สามารถทำงานได้ประมาณ 4 – 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ นักเรียนนักศึกษาที่เรียนในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง หรือมีความสนใจในประเด็นความขัดแย้งและการพลัดถิ่นก็สามารถมาฝึกงานกับพวกเขาได้
7. เล่นกับเพื่อนขนปุยที่ Animal Refuge Kansai (ARK)
Animal Refuge Kansai (ARK) เป็นองค์กรเอกชนนอกภาครัฐที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้าง ‘เครือข่ายสำหรับกลุ่มคนรักสัตว์ที่เชื่อในการแบ่งปันชีวิตให้กับสัตว์ทั้งหลายและผู้ที่ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อช่วยเหลือสัตว์จากความทรมาน’ สถานสงเคราะห์สัตว์ที่โอซาก้านั้นเป็นบ้านของสุนัขราว 121 ตัว แมว 87 ตัว และกระต่ายอีก 8 ตัว ส่วนที่โตเกียวนั้นไม่มีสถานสงเคราะห์ แต่พวกเขามีสำนักงานที่จัดการเรื่องการอุปถัมภ์และโครงการรับเลี้ยงให้แก่สัตว์ที่ดูแลอยู่ ตั้งแต่ ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา ARK ได้ประสบความสำเร็จในการหาบ้านใหม่ให้สุนัขไปแล้วกว่า 3,200 ตัว และแมวอีกกว่า 1,300 ตัว
กิจกรรมนี้สำคัญอย่างไร?
จำนวนสัตว์ที่ถูกทิ้งทั่วประเทศนั้นน่าสลดใจทุกปี จากรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมใน ค.ศ. 2017 พบว่า เพียงแค่ปีเดียวก็มีสุนัข 8,362 ตัว และแมว 34,854 ตัวที่ถูกทิ้งให้ตาย ซึ่งสาเหตุมักเกิดจากการที่ผู้คนซื้อลูกสุนัขและลูกแมวไปเลี้ยงโดยไม่ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการเลี้ยงเท่าที่ควร เมื่อรู้สึกว่ายุ่งยากเกินไป พวกเขาก็ตัดสินใจนำสัตว์เลี้ยงไปปล่อย หรือนำไปให้สถานสงเคราะห์หรือองค์กรอย่าง ARK ดูแล
หากอยากมีส่วนร่วม ต้องทำอย่างไร?
ARK ต้องการอาสาสมัครมาช่วยงานที่สถานสงเคราะห์ในโอซาก้าเพื่อช่วยพาสุนัขเดินเล่น เล่นกับสุนัขและแมว รวมถึงช่วยในเรื่องของการทำความสะอาด พวกเขายังจัดการเรื่องการรับอุปถัมภ์ให้กับคนที่อยู่ในโอซาก้าและโตเกียวซึ่งคิดถึงการมีสัตว์เลี้ยงแต่ไม่สามารถรับไปเลี้ยงได้ โดย ARK จะช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการหาสัตวแพทย์และค่าอาหารทั้งหมด อีกทั้งยังมีบริการให้คำแนะนำและการช่วยเหลือตลอดเวลาด้วย
หางานโวลันเทียร์ที่ใช่ แล้วไปกันเลย!
โอกาสในการทำงานอาสาสมัครในญี่ปุ่นนั้นมีอยู่มากมายไม่รู้จบ และงานที่คุณสามารถช่วยได้ด้วยการให้เวลาหรือความเชี่ยวชาญของคุณเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้มีแค่งานที่เรายกมาในบทความนี้เท่านั้น แต่ยังมีองค์กรอื่นๆ อีกมากมายที่ทำงานสำคัญๆ และพร้อมจะเปิดรับอาสาสมัครที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน เพื่อที่คุณจะได้ออกไปมีส่วนร่วมในงานที่มีคุณค่าเหล่านี้ ไปพร้อมๆ กับการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ในระหว่างทาง
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่