สารบัญ
- ประเทศนคร
- สถาบันโมริ
- 10 อันดับเมืองน่าอยู่ทั่วญี่ปุ่น
- เมืองที่เด่นเป็นที่สุดในแต่ละด้าน
- แล้วคุณล่ะอยากอยู่ในเมืองแบบไหน?
ประเทศนคร
ประเทศญี่ปุ่นมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 126 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ของโลก และ 67.3% ของจำนวนทั้งหมดนี้ก็อาศัยอยู่ในเขตที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น
ในสังคมเมืองแห่งนี้ กว่า 37 ล้านคนหรือ 32% ของจำนวนชาวเมืองทั้งหมดอาศัยอยู่ในเขตโตเกียว โตเกียวจึงไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นหัวใจของการค้า อุตสาหกรรม และวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วย
ด้วยเหตุนี้โตเกียวจึงเป็นเมืองที่แออัดอย่างมาก ด้วยความหนาแน่นของประชากรถึง 15,000 คนต่อตารางกิโลเมตร ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหนหรือทำอะไรก็จะเจอแต่ผู้คนเต็มไปหมด อีกทั้งเพราะมีความต้องการในการอยู่อาศัยสูงมาก ค่าครองชีพจึงสูงมากตามไปด้วย การจะหาที่อยู่ที่ราคาพอเอื้อมถึงจึงต้องใช้เวลามากพอสมควร
การได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเช่นนี้นับว่าไม่แปลกเลยสำหรับเมืองที่เป็นศูนย์กลางของประเทศญี่ปุ่น แต่การให้ความสนใจกับเมืองใหญ่เมืองเดียวก็มักจะทำให้หลายคนมองไม่เห็นตัวเลือกอื่นๆ ที่อีกกว่า 68% ของประชากรเมืองอาศัยอยู่ และก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มหันไปสนใจเมืองเหล่านี้บ้างแล้ว
ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 10 เมืองน่าอยู่นอกเหนือจากโตเกียว พร้อมทั้งเมืองที่เป็นที่สุดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ วัฒนธรรม ครอบครัว ฯลฯ ซึ่งสถาบันโมริเป็นผู้ทำการจัดอันดับไว้
สถาบันโมริ
สถาบันโมริ (Mori Institute) เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมเมืองในอุดมคติอย่างยั่งยืนเนื่องจากหลายๆ เมืองในประเทศญี่ปุ่นได้เติบโตและพัฒนาเป็นเมืองใหญ่กันแล้ว ทางสถาบันได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเสน่ห์ของเมืองทั่วญี่ปุ่นนอกเหนือจากโตเกียวอย่างจริงจัง และทำการจัดอันดับตามประเภท ซึ่งเรียกว่า Japan Power Cities โดยหวังให้ผู้คนหันมาสนใจเมืองเหล่านี้ด้วย
เมืองทั้ง 109 แห่งที่ได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาดังกล่าวจะได้รับการประเมินตามหัวข้อเหล่านี้:
- ธุรกิจ
- การวิจัย
- สถาบัน/การศึกษา
- วัฒนธรรม
- ชีวิตในชุมชน
- สิ่งแวดล้อม
- การขนส่งสาธารณะและการเดินทาง
เมื่อเปรียบเทียบตามด้านต่างๆ แล้ว ก็จะคัดเลือกเมืองที่เป็นที่สุดในด้านนั้นๆ มาจัดอันดับ ในบทความนี้ เราจะมาดู 10 เมืองที่ได้รับการคัดเลือกพร้อมบอกเหตุผลให้ได้ทราบกัน
10 อันดับเมืองน่าอยู่ทั่วญี่ปุ่น
1. เกียวโต – ศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมดั้งเดิม
อดีตเมืองหลวงญี่ปุ่นที่พัฒนาขึ้นอย่างมากจนกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัย เกียวโตมีสมบัติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงกลายเป็นอันดับต้นๆ ในแง่ของการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีทั้งวัด ศาลเจ้า และสถาปัตยกรรมโบราณให้คุณได้ออกไปสำรวจอยู่เสมอ
แม้ภายนอกเกียวโตจะผูกอยู่กับวัดและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเมืองที่พัฒนาขึ้นจนทันสมัยอย่างเต็มตัว มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ การขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังเดินทางไปยังส่วนอื่นของประเทศได้อย่างง่ายดาย อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คะแนนของเมืองนี้นำโด่งก็คงไม่พ้นธุรกิจที่ผูกพันอยู่กับการท่องเที่ยวและการสนับสนุนงานวิจัยอย่างเข้มข้น ที่นี่มีสถาบันวิจัยและสถานศึกษาชื่อดังอยู่หลายแห่ง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังหาที่ศึกษาต่อ หากไม่นับโตเกียว เกียวโตจึงเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดนั่นเอง
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร*: 1,458,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 2.8 ล้าน)
- ความหนาแน่น: 1,700/km2
- ค่าครองชีพ*: ต่ำกว่าโตเกียว 4%
*ข้อมูลประชากรในบทความนี้อ้างอิงจากสถิติของเทศบาล ณ เดือนตุลาคม ปี 2020 โดยปัดเศษเป็นหลักพันที่ใกล้เคียงที่สุด ส่วนค่าครองชีพคำนวณโดยประมาณโดยใช้ ข้อมูลจากรัฐบาล ปี 2018
2. โอซาก้า – เมืองหลวงแห่งภาคตะวันตก
อันดับ 2 ของเรา คือ โอซาก้า ที่ได้ชื่อเล่นว่าเป็นเมืองหลวงแห่งคันไซ โอซาก้าในอดีตมีภาพลักษณ์เป็นเมืองแห่งการค้า และในความเป็นจริงก็เป็นจุดที่ธุรกิจเฟื่องฟูมากเช่นเดียวกัน นอกจากสภาพเศรษฐกิจจะดีจนบริษัทใหญ่ๆ แทบทุกแห่งต้องมาลงทุนแล้ว ที่นี่ยังมีอัตราการจ้างงานสูงและพนักงานที่มีความชำนาญเป็นอย่างมากอีกด้วย
นอกจากจะเป็นเมืองแห่งการค้าแล้ว การเดินทางข้ามจังหวัดและการเดินทางภายในโอซาก้าก็สะดวกมากเช่นกัน เพราะมีทั้งระบบขนส่งสาธารณะที่ทั่วถึงและสนามบินนานาชาติ ในแง่วัฒนธรรมก็โดดเด่นสมชื่อศูนย์กลางวัฒนธรรมของคันไซสมัยใหม่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ วัฒนธรรมด้านอาหารการกินที่ไม่ได้เป็นแค่ ‘ที่สุด’ ของประเทศญี่ปุ่น แต่ยังเป็นที่สุดของโลกด้วย
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 2,751,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 12.1 ล้าน)
- ความหนาแน่น: 12,200/km2
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 5%
3. ฟุกุโอกะ – เมืองแห่งความเยาว์วัย
ฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ เป็นเมืองที่กำลังเติบโตอย่างสมดุล ได้รับคะแนนการประเมินสูงในทุกหัวข้อ มีธุรกิจที่กำลังเติบโตซึ่งเน้นไปที่การสนับสนุน Start-Up และเป็นเมืองเดียวในญี่ปุ่นที่มี Start-Up Zone ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานก็สามารถหาโอกาสก้าวหน้าด้านอาชีพได้ที่ฟุกุโอกะ ที่นี่มีอัตราการเกิดบริษัทใหม่มากที่สุด ทั้งยังมีการช่วยลดภาระด้านภาษีและให้บริการที่ปรึกษาฟรีสำหรับผู้ที่ต้องการจะเริ่มต้นธุรกิจ นอกจากนี้ การเดินทางทั้งภายในและนอกเมืองก็สะดวก แถมยังมีสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยด้วย
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 1,603,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 2.5 ล้าน)
- ความหนาแน่น: 4,600/km2
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 8%
4. โยโกฮาม่า – เมืองสุดมีสไตล์
โยโกฮาม่า เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น แม้จะอยู่ใกล้กับโตเกียวมากแต่ก็แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย โยโกฮาม่ามุ่งเน้นจะเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนประเทศญี่ปุ่น จึงมีสถาบันทางวัฒนธรรม และการโปรโมทในสื่อโซเชียล มีเทศกาลต่างๆ ให้เข้าร่วมตลอดทั้งปี และยังมีระบบขนส่งที่สะดวกไม่เป็นสองรองใครเนื่องจากอยู่ใกล้กับเขตโตเกียวด้วย ในด้านการศึกษาเองก็เข้มแข็งไม่แพ้เมืองอื่นเลย เพราะมีมหาวิทยาลัยรัฐ 4 แห่ง และมหาวิทยาลัยเอกชนอีกถึง 21 แห่ง
สถิติน่ารู้:
- ประชากร: 3,756,000
- ความหนาแน่น: 8,500/km2
- ค่าครองชีพ: ใกล้เคียงกับโตเกียว
5. นาโกย่า – ทางแพร่งแห่งเกาะญี่ปุ่น
นาโกย่า ตั้งอยู่กึ่งกลางประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางการขนส่งระหว่างภูมิภาคคันไซ (โอซาก้า เกียวโต และโกเบ) กับภูมิภาคคันโต (โตเกียวและโยโกฮาม่า) สามารถเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เครื่องบิน หรือเรือโดยสาร นาโกย่าจึงโดดเด่นในเรื่องธุรกิจและการศึกษาเป็นอย่างมาก หากใครกำลังมองหาที่เรียนสำหรับศึกษาต่อหรือสถานที่เริ่มต้นธุรกิจ สภาพเศรษฐกิจของนาโกย่าก็นับว่าเหมาะสมทีเดียว
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 2,328,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 10.2 ล้าน)
- ความหนาแน่น: 7,100/km2
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 6%
6. โกเบ – เมืองท่าโบราณ
อีกเมืองหนึ่งที่มีกำลังในด้านต่างๆ อย่างสมดุลก็คือ โกเบ ที่มีทั้งเศรษฐกิจอันเข้มแข็งและร่องรอยของวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ สามารถเดินทางไปยังโอซาก้าและพื้นที่ในแถบคันไซได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงสมาคมผู้อยู่อาศัยที่กระตือรือร้นและพื้นที่สีเขียวซึ่งนับว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วไป และในแง่เศรษฐกิจ ทางโกเบก็มีการก่อร่างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการจัดงานประชุมเสวนาและนิทรรศการต่างๆ นอกจากนี้ การเป็นเมืองท่ามาแต่ในอดีตก็ส่งผลให้โกเบในปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งอีกด้วย
ในเชิงวัฒนธรรม โกเบจะเป็นที่รู้จักจากเนื้อวัวคุณภาพสูงและเป็นเมืองที่เด่นในด้านแฟชั่น อีกทั้งด้วยอิทธิพลจากชาวอเมริกันและชาวยุโรปที่เข้ามาอาศัยอยู่ในโกเบหลังมีการเปิดท่าในปี ค.ศ. 1868 ก็ทำให้ภายในเมืองมีรูปแบบของสถาปัตยกรรมจากต่างแดน อย่างบ้านสไตล์ต่างชาติที่มักไม่ค่อยเห็นกันในญี่ปุ่นให้ได้ชมกันเพลินๆ ด้วย
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 1,517,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 2.4 ล้าน)
- ความหนาแน่น: 2,700/km2
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 3%
7. เซนได – เมืองแห่งต้นไม้
เมืองแห่งต้นไม้ เซนได เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ทางเหนือของโตเกียว และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ เซนไดเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่น่าอยู่อาศัย ระบบของทางการก็มุ่งเน้นสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยของผู้อาศัย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเสียงเรื่องพื้นที่สีเขียวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นถนนที่เรียงรายด้วยต้นไม้หรือสวนสาธารณะภายในเขตนคร ต้นไม้เหล่านี้มักได้ใช้ประโยชน์เมื่อมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อย่างเทศกาลทานาบาตะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและการประดับไฟช่วงฤดูหนาว ด้านการศึกษาก็มีทั้งสถาบันวิจัยสำคัญๆ และนักเรียนนักศึกษาวัยใสจำนวนมากอาศัยอยู่ หากกำลังตามหาที่เรียนต่อก็ต้องที่นี่เลย
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 1,092,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 1.6 ล้าน)
- ความหนาแน่น: 1,400/km²
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 7%
8. คานาซาว่า – เมืองปราสาทดั้งเดิม
เมืองหลวงแห่งจังหวัดอิชิคาว่าและหนึ่งในเมืองที่เล็กที่สุดอย่างคานาซาว่า โดดเด่นในฐานะเมืองปราสาทที่มีทั้งมรดกทางวัฒนธรรมจำนวนมากและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้อาศัยที่ยอดเยี่ยม ภายในเมืองมีอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิมอยู่หลายแห่ง เช่น ปราสาทคานาซาว่าที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่บางส่วนและสวนที่อยู่ติดกัน ณ ใจกลางเมือง ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองญี่ปุ่นที่รอดพ้นจากการถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเป็นสถานที่ที่เรายังสามารถเห็นอาคารบ้านเรือนเก่าแก่จากสมัยเอโดะและยุคก่อนหน้านั้นได้อยู่ และก็เป็นสถาปัตยกรรมเหล่านี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากทุกปี อย่างไรก็ตาม คานาซาว่าไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวที่ดีเท่านั้น แต่ยังมีสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยเหมาะแก่การอยู่อาศัยอีกด้วย
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 462,000
- ความหนาแน่น: 990/km²
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 4%
9. ซัปโปโร – นครหลวงแห่งญี่ปุ่นตอนเหนือ
ซัปโปโรตั้งอยู่จุดเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและธุรกิจของฮอกไกโด มีชื่อเสียงจากวัฒนธรรมที่เข้มแข็งอย่างการจัดเทศกาลหิมะฮอกไกโด (Hokkaido Snow Festival) ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกประเทศกว่าหลักล้านในทุกๆ ปี นอกจากนี้ยังโดดเด่นในด้านเศรษฐกิจด้วยมีสถาบันวิจัยที่ส่งเสริมด้านการเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจ หากใครสนใจเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ใน 4 ฤดูกาลก็ขอแนะนำให้ย้ายไปยังซัปโปโร ฤดูร้อนของที่นี่จะเย็นสบายกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นในญี่ปุ่น และในช่วงฤดูหนาวก็มีกีฬาอย่างสกีหรือสโนว์บอร์ดให้เล่นอีกด้วย
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 1,973,000
- ความหนาแน่น: 1,700/km²
- ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 5%
10. มัตสึโมโตะ – เมืองที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ
ในบรรดาเมืองที่เราหยิบยกมานี้ มัตสึโมโตะเป็นเมืองที่เล็กที่สุด เมืองนี้เป็นเมืองปราสาทเช่นเดียวกับคานาซาว่า และขึ้นชื่อในด้านสภาพแวดล้อมด้วยเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาญี่ปุ่นในจังหวัดนากาโนะ มัตสึโมโตะเป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดที่สุดในญี่ปุ่น สามารถหาทางไปยังสวนสาธารณะหรือภูเขารอบๆ ได้ไม่ยาก และยังเป็นเมืองที่อยู่อาศัยง่ายเพราะที่พักราคาค่อนข้างถูก แถมยังมีหน่วยบริการด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เมื่อรวมกับการที่มีมรดกโลกตั้งอยู่ด้วยแล้ว มัตสึโมโตะก็เป็นเมืองที่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติได้ราวกับอยู่ชนบทเลยทีเดียว
สถิติน่ารู้:
- จำนวนประชากร: 240,000
- ความหนาแน่น: 240/km²
- ค่าครองชีพ: ไม่มีข้อมูล
เมืองที่เด่นเป็นที่สุดในแต่ละด้าน
เมื่อลองดูการให้คะแนนในแต่ละหัวข้อ เราก็จะเห็นได้ว่าเมืองไหนเหนือกว่าเมืองไหนด้านใดบ้าง รวมถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นด้วย
ด้านธุรกิจ
โอซาก้า
ในด้านเศรษฐกิจและการทำธุรกิจนอกกรุงโตเกียว ก็คงจะไม่มีที่ไหนเหนือไปกว่าโอซาก้าซึ่งทำคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างฟุกุโอกะไปไกล ในโอซาก้ามีบริษัทใหญ่ๆ จากหลากหลายเชื้อชาติและสถาบันการเงินตั้งอยู่เป็นจำนวนมากสมกับเป็นเมืองอันดับ 2 และยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของญี่ปุ่น หากคุณกำลังหางานทำนอกโตเกียว โอซาก้าก็เป็นตัวเลือกที่มองข้ามได้ยากทีเดียว
ด้านการวิจัย/การศึกษา
เกียวโต
เกียวโตเป็นที่รู้จักดีในแง่ของปริมาณและคุณภาพสถานศึกษา ด้วยสถานศึกษากว่า 40 แห่ง จึงไม่แปลกเลยที่จะได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาของญี่ปุ่น นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเกียวโตหรือสถาบันเทคโนโลยีเกียวโต (Kyoto Institute of Technology) ก็เป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นด้วย และยังมีมหาวิทยาลัยต่างชาติหลายแห่งที่มีสาขาในเกียวโต เช่น Stanford ที่มีโปรแกรมการเรียนหลากหลายรูปแบบที่จัดโดยมหาวิทยาลัยเกียวโตให้เข้าศึกษาอีก
ด้านวัฒนธรรม
เกียวโต
เมืองที่เป็นที่สุดในด้านนี้คงหนีไม่พ้นเกียวโตซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยมีจังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างโอซาก้าตามมาติดๆ เกียวโตเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดและได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ในบริเวณมีวัดพุทธศาสนาอยู่กว่า 1,600 แห่ง ศาลเจ้าชินโตกว่า 400 แห่ง รวมถึงสวนและอาคารที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ทั้งยังมีอิทธิพลด้านวัฒนธรรมต่อบริเวณอื่นๆ ในญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับใครที่ชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนให้ได้สักครั้ง
ด้านวิถีชีวิตชุมชน
โตโยต้า
การแข่งขันในด้านนี้ค่อนข้างสูสี โดยเมืองโตโยต้าในจังหวัดไอจิเอาชนะเซนไดและคุมาโมโตะไปเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น โตโยต้าเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท Toyota Corporation และได้รับการขนานนามเป็นพื้นที่ที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเนื่องจากมีสวัสดิการสนับสนุนครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูบุตรหลานเป็นอย่างดี ทั้งยังมีดัชนีสุขภาพของประชากรสูงที่สุด และมีจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดน้อยที่สุดอีกด้วย แม้ตัวเมืองโตโยต้าเองจะไม่ได้อยู่ในอันดับท็อป 10 แต่ก็ยังอยู่ในอันดับที่ 13 ด้วยคะแนนสูงลิบในด้านธุรกิจและคุณภาพชีวิตนั่นเอง
ด้านสิ่งแวดล้อม
มัตสึโมโตะ
มัตสึโมโตะเอาชนะยามากุจิและได้กลายเป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ตัวเมืองล้อมรอบด้วยภูเขาและสวนสาธารณะ จึงขึ้นชื่อเรื่องอากาศบริสุทธิ์และการเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย
ด้านการเดินทาง
โอซาก้า
เมืองหลวงแห่งคันไซเอาชนะนาโกย่าและฟุกุโอกะมาได้อย่างฉิวเฉียด โอซาก้าไม่เพียงมีระบบการขนส่งสาธารณะที่เป็นรองเพียงโตเกียว แต่ยังมีสนามบินถึง 2 แห่งและบริการเรือโดยสารไปยังต่างประเทศอีกด้วย การเดินทางภายในและไปภายนอกโอซาก้าจึงง่ายมากๆ
เมืองสำหรับคนโสด
ฟุกุโอกะ
ฟุกุโอกะเป็นที่หนึ่งในฐานะเมืองสำหรับคนโสด แต่ก็ได้คะแนนสูงกว่านาโกย่าและคุมาโมโตะเพียงนิดเดียวเท่านั้น ด้วยความที่เป็นเมืองที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ฟุกุโอกะมีค่าเฉลี่ยอายุประชากรน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ และยังมีชาวต่างชาติทำงานและอาศัยอยู่จำนวนมากด้วย
เมืองสำหรับครอบครัว
ฟุกุโอกะ
หากต้องการจะอาศัยเป็นครอบครัว ฟุกุโอกะก็เป็นที่ที่เหมาะสมเช่นกัน ตามมาติดๆ ด้วยเซนไดกับมัตสึโมโตะ ซึ่งเหตุผลก็เหมือนกับข้อก่อนหน้านี้ คือ ฟุกุโอกะมีกลุ่มประชากรที่อายุน้อยและขยายตัวเร็ว เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงเสมอ รวมถึงมีวัฒนธรรมที่กำลังเติบโตด้วย
เมืองสำหรับนักท่องเที่ยว
เกียวโต
ในด้านการท่องเที่ยวก็แน่นอนว่าไม่มีที่ไหนล้มเกียวโตได้ เพราะมีคะแนนนำโอซาก้าและโยโกฮาม่ามากพอสมควร เกียวโตเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกว่า 1,000 แห่ง ศาลเจ้ากว่า 500 แห่ง รวมถึงมรดกโลกและแลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติ หากต้องการจะเที่ยวญี่ปุ่นก็จะตัดเกียวโตออกไปไม่ได้เลย
แล้วคุณล่ะอยากอยู่ในเมืองแบบไหน?
นอกจากเมืองที่เรารู้จักกันดีอย่างโตเกียวแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นก็ยังมีที่ที่น่าลงหลักปักฐานอีกมากมาย จึงไม่จำเป็นเลยที่จะจำกัดตัวเองอยู่ในเมืองเมืองเดียว หลายเมืองที่เราพูดถึงในวันนี้อาจจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของใครหลายๆ คนที่แตกต่างกันออกไป ออกไปสำรวจตัวเลือกต่างๆ แล้วหาเมืองที่ชอบกันดีกว่า!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่