คันไซเป็นภูมิภาคที่มีหลายจังหวัดอยู่ติดทะเลญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นฟุคุอิ เกียวโต เฮียวโกะ หรือทตโตริ และก็ได้สะท้อนออกมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และอาหาร เป็นประสบการณ์น่าสนใจที่สามารถหาได้เฉพาะในแถบนี้ของญี่ปุ่นเท่านั้น!
ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพสวยๆ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจแบบชิลๆ โดยไม่ต้องไปเผชิญกับกลุ่มคนจำนวนมาก ถ้าใครกำลังหาวิวทิวทัศน์น่าตื่นตาตื่นใจที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนักก็ลองมาอ่านบทความนี้กันได้เลย!
1. Tojinbo (ฟุคุอิ) – เงยหน้ามองหน้าผาสูงชัน
หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo cliffs) เป็นผาหินบะซอลต์สูงชันที่อยู่คู่กับทัศนียภาพทะเลแสนตระการตา
เชื่อกันว่าชื่อของหน้าผานี้มีที่มาจากชื่อของพระนักรบโทจินโบ (Tojinbo) ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยการตกจากหน้าผา โทจินโบเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ปกครองที่ชั่วร้าย และว่ากันว่าถูกผลักตกหน้าผาโดยชาวเมืองที่โกรธแค้น หรือไม่ก็ศัตรูตัวฉกาจ มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าหลังจากเขาเสียชีวิตได้ 49 วัน (ระยะเวลาไว้ทุกข์ในศาสนาพุทธ) คลื่นทะเลก็กรรโชกขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดของเขา หน้าผานี้จึงถูกเรียกขานว่าหน้าผาโทจินโบสืบมา
หินที่ก่อตัวจนเป็นรูปทรงเสานี้มีองค์ประกอบเป็น Pyroxene Andesite ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟชนิดหนึ่ง โดยที่นี่เป็น 1 ใน 3 แหล่งที่สามารถพบเห็นการก่อตัวของหินเช่นนี้ได้ นอกจากนอร์เวย์และเกาหลีเหนือ
คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวชมโทจินโบกันได้ง่ายๆ โดยเดินไปตามทางที่กำหนดไว้ หรือถ้าใครอยากท้าทายจะเดินไปตามขอบผาเองก็ได้! การได้เฝ้าท้องฟ้าและท้องทะเลโดยไม่มีคนมาเดินบังให้กวนใจนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่หยอกทีเดียว หรือถ้าใครอยากดูแนวผาหินสุดอลังแบบกว้างๆ ก็มีเรือสำหรับนั่งชมวิวแล่นเลียบหน้าผาด้วย แต่อาจหยุดให้บริการในช่วงที่คลื่นลมแรง
เมื่อสำรวจผาหินกันจนพอใจแล้ว แถวนั้นก็ยังมีถนนช็อปปิ้ง Tojinbo Shopping Street ที่มีทั้งร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารให้จับจ่ายใช้สอยและลองชิมอาหารท้องถิ่น แถวจังหวัดฟุคุอิจะโด่งดังจากปูแสนอร่อย ถ้ามีโอกาสได้ไปแวะเวียนก็ไม่ควรพลาด วิวพระอาทิตย์ตกดินที่โทจินโบก็ขึ้นขื่อมากเช่นกัน ภาพพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ถูกทะเลบดบังและย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงนั้นสวยงามมากทีเดียว
ชื่อ | แหลมโทจินโบ (Tojinbo) | |
ที่ตั้ง | Mikunicho Anto, Sakai-shi, Fukui 福井県坂井市三国町安島 Google Maps | |
การเดินทาง | จากสถานี Osaka หรือสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟ JR Limited Express Thunderbird ปลายทาง Kanazawa และลงที่สถานี Awara Onsen จากนั้นขึ้นแท็กซี่ต่ออีกประมาณ 20 นาที |
2. Amanohashidate (เกียวโต) – สะพานสู่สรวงสวรรค์
Amanohashidate เป็นสันทรายในจังหวัดเกียวโตที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งใน Nihon Sankei หรือหนึ่งในสามทัศนียภาพที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ตัวสันทอดยาวแบ่งทะเลญี่ปุ่นออกจากอ่าว Miyazu และมีต้นสนนับพันเรียงรายอยู่บนนั้น
ชื่อ Amanohashidate ผันมาจากรูปร่างของสันทรายที่ดูเหมือนสะพานศักดิ์สิทธิ์ แปลคร่าวๆ ได้ว่าเป็นสะพานสู่สวรรค์ และมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเมืองและวัฒนธรรมของพื้นที่บริเวณนั้น บริเวณภูเขา Nariai ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นจุดที่เห็นทิวทัศน์ Amanohashidate สวยๆ ได้ และในช่วงศตวรรษที่ 8 จักรพรรดิลำดับที่ 42 แห่งญี่ปุ่น มอนมุ (Monmu) ก็มีรับสั่งให้วัด Nariai บนภูเขาลูกนี้เป็นสถานที่บวงสรวงของพระองค์อีกด้วย
เราสามารถใช้เวลาที่ Amanohashidate ได้หลากหลายรูปแบบ จะพักผ่อนหย่อนใจบนหาดทรายใต้ร่มสน เดินหรือขี่จักรยานออกสำรวจ ขึ้นเรือชมสันทรายจากบนผืนน้ำ หรือจะดื่มด่ำกับทัศนียภาพก็ย่อมได้
สถานที่ที่เหมาะกับการชมวิวแนวยาวของ Amanohashidate คือสวน Kasamatsu Park ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่พบได้หลังขึ้นเขา Nariai ไปครึ่งทาง สามารถมองลงไปเห็นได้ทั้งผืนน้ำและบริเวณโดยรอบ แนะนำว่าถ้าลองก้มงอตัวลงแล้วมองไปที่สันทรายผ่านระหว่างขาก็จะรู้สึกเหมือนกับได้เห็นบันไดทอดสู่สวรรค์จริงๆ เลยทีเดียว โดยการก้มตัวดูเช่นนี้ในญี่ปุ่นจะเรียกว่า Matanozoki ซึ่งแปลตรงตัวว่าการมองลอดผ่านขานั่นเอง
เมืองที่สองฝั่งของ Amanohashidate เองก็มีเสน่ห์ไม่น้อย โดยเมือง Fuchu จะอยู่ทางเหนือและ Monju จะอยู่ทางใต้ มีร้านค้าและร้านอาหารมากมายให้เราได้เติมพลัง และซื้อของฝากหลังออกไปผจญภัยจนหนำใจแล้ว
ชื่อ | Amanohashidate |
ที่ตั้ง | Miyazu-shi, Kyoto 京都府宮津市 Google Maps |
การเดินทาง | จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟ JR Limited Express Hashidate ไปยังสถานี Amanohashidate หรือ ไปยังสถานี Fukuchiyama โดยขึ้นรถไฟ JR Limited Express Kinosaki จากสถานี Kyoto หรือรถไฟ JR Kounotori Limited Express จากสถานี Osaka จากนั้นต่อ Limited Express Tango Relay ไปยังสถานี Amanohashidate (2.5 ชั่วโมง) |
ชื่อ | สวน Kasamatsu Park |
ที่ตั้ง | 75, Ogaki, Miyazu-shi, Kyoto 京都府宮津市字大垣75 Google Maps |
การเดินทาง | เริ่มต้นจากสถานี Amanohashidate จากนั้นขึ้น Tankai Bus ลงป้าย Amanohashidate Cable-ka (25 นาที) แล้วเดินต่ออีก 2 นาทีไปขึ้น Cable Car หรือ เดิน 5 นาทีจากสถานี Amanohashidate ไปยังท่า Amanohashidate Sightseeing ขึ้นเรือชมวิวไปลงท่า Ichino (12 นาที) แล้วเดินต่ออีก 5 นาทีไปขึ้น Cable Car |
3. The Ine Boathouses (เกียวโต) – สัมผัสญี่ปุ่นยุคเก่าไปกับหมู่บ้านชาวประมง
หมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิมแห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนเหนือของเกียวโต จาก Amanohashidate สามารถเดินทางมาได้โดยขับรถ 30 นาที หรือนั่งรถบัส 1 ชั่วโมงเท่านั้น จุดดึงดูดของหมู่บ้านนี้คงไม่พ้นบ้านเรือนที่เป็น Funaya หรือเรือบ้านที่ลอยอยู่นิ่งๆ บนผิวน้ำ เรามักจะเห็นเรือประมงแล่นผ่านไปมา เมื่อรวมกับบ้านไม้สวยๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอย่างไม่มีข้อกังขาเลยทีเดียว ในบริเวณนี้คลื่นทะเลค่อนข้างสงบเมื่อเทียบกับทะเลญี่ปุ่นส่วนอื่น จึงไม่มีที่ไหนในญี่ปุ่นที่มี Funaya รวมตัวกันอยู่มากเท่านี้อีกแล้ว
ในสมัยเอโดะ (1603 – 1868) Funaya เป็นเพียงโรงเก็บเรือธรรมดาๆ และชาวเมืองก็จะอาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างอยู่ตรงข้ามกับโรงเก็บเรืออีกที ชาวประมงจึงสามารถเดินทางจากบ้านไปทำงานได้อย่างสะดวก และความสะดวกนี้เองที่ทำให้วัฒนธรรมเช่นนี้ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
บ้านเหล่านี้สร้างด้วยไม้ตามแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น ตัวเมืองจึงมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นแฝงอยู่ไม่น้อย ภาพเมืองแสนสวยนี้ทำให้ Ine Funaya ได้รับการกำหนดให้เป็นเขตควรอนุรักษ์ในกลุ่มอาคารทางประวัติศาสตร์ หากใครมีโอกาสได้แวะไปก็ดื่มด่ำกับทัศนียภาพได้โดยการเดินเล่นชิลๆ ไปในเมือง ระหว่างทางก็หาอาหารทะเลสดทานเล่นไปด้วย หรือจะขึ้นเรือออกไปดูเรือบ้านให้เต็มๆ ตาก็ไม่เลวเช่นกัน
ในหมู่บ้านจะมี Funaya ชื่อ Koyomaru ที่เปิดให้ชมได้ เป็นบ้านที่หันหน้าไปทางทะเลญี่ปุ่น และเก็บเรือประมงไว้ลำหนึ่ง รวมถึงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกติดตั้งไว้ตรงนู้นตรงนี้ด้วย ลองมาดูด้วยตาตัวเองกันดีกว่าว่าวันๆ ชาวประมงญี่ปุ่นทำอะไรกันบ้าง
ชื่อ | หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine Funaya Boathouses) |
ที่ตั้ง | 77, Hirata, Ine-cho, Yoza-gun, Kyoto 京都府与謝郡伊根町平田77 Google Maps |
การเดินทาง | เริ่มต้นจากสถานี Amanohashidate Station ขึ้น Tango Kairiku Kotsu bus ปลายทาง Ukawa Onsen Yoshino no Sato หรือ Kamanyu หรือ Ine Yubinkyoku-mae แล้วลงป้าย Ine (1 ชั่วโมง) |
4. Kinosaki Onsen (เฮียวโกะ) – แช่ร่างกายที่อ่อนล้าในหมู่บ้านออนเซ็นโบราณ
Kinosaki Onsen เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่อยู่ระหว่างช่องเขาริมชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ทิวทัศน์ในเมืองสวยตลอดปีด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น และต้นหลิวที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำ ในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นเราก็จะเห็นสีเขียวสบายตา และในช่วงที่อากาศหนาวก็จะได้ความรู้สึกเหงาๆ จากต้นหลิวที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาว ที่นี่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น จึงมีผู้มาเยือนมากมายจากทั่วประเทศและทั่วโลก
บ่อออนเซ็นถูกค้นพบในเขต Kinosaki ในช่วงศตวรรษที่ 8 และ Kinosaki Onsen ก็ก่อตั้งในปี 720 นั่นหมายถึงที่นี่เปิดให้บริการมาได้กว่า 1,300 ปีแล้ว! ตำนานเล่าขานว่านักบวชท่านหนึ่งที่ออกเดินทางช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากได้มาเยือน Kinosaki และภาวนาเป็นเวลา 1,000 วัน เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของผู้คนตามคำแนะนำจากนักทำนายในท้องถิ่น ในวันที่ 1,000 ก็มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมา และมีชื่อเสียงในสรรพคุณการรักษานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หมู่บ้านออนเซ็นแห่งนี้ประกอบด้วยออนเซ็น 7 แห่ง ในระยะที่เดินหากันได้ ภาพแขกคนอื่นๆ ใส่ชุดยูกาตะและรองเท้าเกตะเดินไปมาภายใต้ต้นหลิวที่พลิ้วไหวยามค่ำคืนก็โรแมนติกสุดๆ จะพักอยู่สักสองสามวันเพื่อสำรวจเมืองให้ทะลุปรุโปร่งก็ได้ หรือจะแค่แวะมาแช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกายก่อนออกเดินทางต่อก็ได้เช่นกัน
หลังจากผจญภัยข้ามทะเลญี่ปุ่นมาแล้ว บ่อออนเซ็นที่แสนผ่อนคลายและอุดมไปด้วยแร่ธาตุก็เป็นวิธีฟื้นฟูร่างกายอันเหนื่อยล้าที่ยอดเยี่ยม โดยแม้แต่ผู้ที่มีรอยสักก็สามารถแช่ออนเซ็นใน Kinosaki Onsen ได้ด้วยจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ในช่วงการระบาดของโรคโควิด19 ก็มีมาตรการรับมือออกมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบังคับสวมแมสก์ ทำความสะอาดให้ถี่ขึ้น หรือระบายอากาศบ่อยๆ ดังนั้นก็มาเพลิดเพลินไปกับออนเซ็นกันอย่างสบายใจได้เลย
ชื่อ | คิโนซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) |
ที่ตั้ง | Yushima, Kinosaki-cho, Toyooka-shi, Hyogo 兵庫県豊岡市城崎町湯島 Google Maps |
การเดินทาง | ขึ้นรถไฟ JR Kounotori Limited Express จากสถานี Osaka หรือรถไฟ Limited Express Hamakaze จากสถานี Osaka สถานี Sannomiya หรือสถานี Himeji หรือรถไฟ JR Limited Express Kinosaki จากสถานี Kyoto หรือ ขึ้นรถไฟ JR Kounotori Limited Express จากสถานี Fukuchiyama ไปยังสถานี Kinosaki Onsen (2.5 ชั่วโมง) |
5. Kasumi Fishing Port, Shibayama Port และ Tottori/Karo Port (เฮียวโกะ/ทตโตริ) – ลิ้มรสชาติปลาที่สดใหม่ที่สุดในญี่ปุ่น
Kasumi, Shibayama, และ Karo เป็นท่าเรือประมงเล็กๆ บนทะเลญี่ปุ่นในทางเหนือของจังหวัดเฮียวโกะและทตโตริ ไม่เพียงมีอาหารทะเลสดใหม่รสชาติดีเท่านั้น แต่ยังมีทิวทัศน์ริมชายฝั่งที่โออ่าอลังการอีกด้วย แค่ไปนั่งพักผ่อนมองไปยังผืนทะเลที่เปล่งประกายจากบนหาดก็น่าจะได้ชมวิวกันแทบจะอิ่มแล้ว แต่ไปถึงที่แล้วก็อย่าลืมไปลองชิมปลาที่จับได้ในแถบนั้นสักหน่อยล่ะ!
ท่าประมง Kasumi ในตอนเหนือของเฮียวโกะจับปลาในทะเลญี่ปุ่นตลอดปี แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษจะเป็น Kasumi Gani หรือปู Kasumi โดยช่วงที่เหมาะจะทานที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูใบไม้ผลิ แต่คนท้องถิ่นก็ชอบกินกันในทุกฤดู
นอกจากปูแล้วกุ้งและปลาหมึกจาก Kasumi เองก็อร่อยไม่แพ้กัน เหล่าชาวประมงออกไปเผชิญกับคลื่นทะเลทุกวันเพื่อนำอาหารทะเลจำนวนมากกลับมาให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยกันตามร้านและโรงอาหารในละแวกนั้นๆ
ถัดจากท่าเรือเราจะพบกับ Yugyokan (遊魚館) ซึ่งจำหน่ายอาหารทะเลสดและอื่นๆ อีกมากมาย หากต้องการวัตถุดิบในการทำอาหารหรือของฝากส่งตรงจากท่าเรือก็สามารถหาได้ที่นี่เลย
ท่าเรือ Shibayama อยู่ห่างจากท่า Kasumi เพียงระยะขับรถ 10 นาทีเท่านั้น และเป็นแหล่งประมงที่จับปลาตลอดทั้งปีเช่นเดียวกัน ปูที่มีชื่อในท่านี้เรียกว่า Matsuba Gani และปูที่มีคุณภาพสูงระดับท็อปจะได้ชื่อว่าเป็น Shibayama Gold ที่เหล่าชาวประมงแสนภาคภูมิใจ ใครที่อยากลองทานก็สามารถหาได้ตามร้านรวงและภัตตาคารโดยรอบ
ท่าประมงนี้ยังมีลักษณะที่ค่อนข้างพิเศษจากจุดอื่นๆ ในทะเลญี่ปุ่นด้วย โดยมีชายฝั่งที่คดเคี้ยว ท้าทายความสามารถของชาวประมงท้องถิ่น และมีทัศนียภาพทั้งน้ำและบกที่สวยงาม
สุดท้ายคือ ท่าเรือประมง Karo อยู่ที่ตอนเหนือของทตโตริ และมีปูฤดูหนาวที่เป็นที่รู้จัก ในบริเวณมีร้านรวงอยู่มากมาย สามารถดื่มด่ำไปกับอาหารทะเลนานาชนิดและบรรยากาศของหมู่บ้านได้ไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว
ชื่อ | ท่าเรือ Shibayama Port |
ที่ตั้ง | 222, Okinoura, Kasumi-ku, Kami-cho, Mikata-gun, Hyogo 兵庫県美方郡香美町香住区沖浦222 Google Maps |
การเดินทาง | เริ่มต้นจากสถานี Kinosaki Onsen ขึ้นรถไฟสาย JR Sanin ไปยังสถานี Shibayama (30 นาที) แล้วเดินต่อ 15 นาที |
ชื่อ | ท่าเรือ Kasumi Fishing Port |
ที่ตั้ง | 747, Wakamatsu, Kasumi-ku, Kami-cho, Mikata-gun, Hyogo 兵庫県美方郡香美町香住区若松747 Google Maps |
การเดินทาง | เริ่มต้นจากสถานี Kinosaki Onsen ขึ้นรถไฟสาย JR Sanin ไปยังสถานี Kasumi (30 นาที) Follow the directions above to Kinosaki Onsen Station หรือขึ้นรถไฟสาย JR Sanin จากสถานี Shibayama (6 นาที) |
ชื่อ | Yugyokan (遊魚館) |
ที่ตั้ง | 748, Wakamatsu, Kasumi-ku, Kami-cho, Mikata-gun, Hyogo 兵庫県美方郡香美町香住区若松748 Google Maps |
วันหยุดทำการ | วันอังคาร, วันหยุดช่วงปีใหม่ (31 ธันวาคม – 5 มกราคม) *เวลาเปิด/ปิดทำการอาจเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด19 |
ชื่อ | ท่าเรือ Karo Port |
ที่ตั้ง | Karo-cho, Tottori-shi, Tottori 鳥取県鳥取市賀露町 Google Maps |
การเดินทาง | ขึ้นรถไฟ Super Hakuto Limited Express จากสถานี Osaka หรือสถานี Kyoto ไปยังสถานี Tottori แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไป 20 นาที |
6. Uradome Coast (ทตโตริ) – ชมวิวหินผาบนผืนน้ำสีฟ้าสดใส
ชายฝั่งอุราโดเมะ (Uradome Coast) เป็นจุดชมวิวในจังหวัดทตโตริ มีลักษณะภูมิประเทศอันน่าตื่นตาตื่นใจซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลญี่ปุ่น ในบริเวณนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมาย ทั้งถ้ำ อุโมงค์ และหาดทรายขาว ล้อมรอบด้วยทะเลสีฟ้ากว้างสุดสายตา มองไปก็จะมีคลื่นกระแทกโขดหินอยู่เป็นระยะๆ ให้พอนึกภาพกันออกว่ารูปร่างของโขดหินกลายเป็นอย่างที่เราเห็นกันได้อย่างไร
ริมชายฝั่งจะมีเส้นทางสำหรับชมโขดหินที่ประดับประดาด้วยพืชนานาพรรณ จะเดินดูวิวชิลๆ หรือจะปั่นจักรยานเล่นรับลมก็ย่อมได้ จะมองชมผืนน้ำจากไกลๆ หรือจะดำน้ำตื้นๆ ก็ได้เช่นกัน! สำหรับใครที่ต้องการเข้าไปชมใกล้ๆ ก็มีเรือเที่ยวให้ใช้บริการ การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติอันแสนสงบและไม่มีคนมารบกวนเช่นนี้ก็เป็นวิธีการผ่อนคลายที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ชื่อ | ชายฝั่งอุราโดเมะ (Uradome Coast) |
ที่ตั้ง | Uradome, Iwami-cho, Iwami-gun, Tottori 鳥取県岩美郡岩美町浦富 Google Maps |
การเดินทาง | ขึ้นรถไฟ Super Hakuto Limited Express จากสถานี Osaka หรือสถานี Kyoto ไปยังสถานี Tottori จากนั้นขึ้น Iwami bus ไปลงป้าย Uradome Kaigankuchi (45 นาที) |
7. Tottori Sand Dunes (ทตโตริ) – เดินเล่นกลางทะเลทรายญี่ปุ่น
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับประเทศญี่ปุ่นมากนัก แต่ในจังหวัดทตโตริก็มีธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย นั่นก็คือเนินทรายที่กว้างใหญ่จนดูราวกับเป็นมหาสมุทรที่ทำจากทราย เนินทรายของทตโตริทอดตัวยาวราว 16 กิโลเมตร และอยู่ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น เกิดเป็นภาพทะเลทรายอยู่เคียงคู่กับทะเลน้ำที่หาดูได้ยาก
ลวดลายบนเนินทรายก็ไม่ได้คงที่แต่เปลี่ยนไปตามคลื่นและสายลมจากทะเลญี่ปุ่น เราจึงมีโอกาสได้เห็นทิวทัศน์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เนินทรายนี้เกิดจากการที่ทรายจากแม่น้ำ Sendai ถูกพัดพามาที่ทะเลและสะสมตัวจนกลายเป็นชายฝั่งในช่วงเวลานับพันๆ ปี
นอกจากเดินเล่นแล้วก็ยังมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขี่อูฐ โลดแล่นไปตามลมกับ paragliding ไถลลงลงจากทรายโดยใช้แซนด์บอร์ด เพลิดเพลินกับบรรยากาศไปกับเซสชั่นโยคะ หรือจะแค่มาถ่ายรูปสวยๆ ไปอวดคนบนโซเชียลก็เพลินสุดๆ แล้ว!
ชื่อ | เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) |
ที่ตั้ง | 2164-661, Yuyama, Fukube-cho, Tottori-shi, Tottori 鳥取県鳥取市福部町湯山2164-661 Google Maps |
การเดินทาง | ขึ้นรถไฟ Super Hakuto Limited Express จากสถานี Osaka หรือสถานี Kyoto ไปยังสถานี Tottori จากนั้นขึ้นรถบัสที่มุ่งสู่ Tottori Sakyu ไปอีก 20 นาที |
ดื่มด่ำทัศนียภาพไปกับชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น!
ทะเลญี่ปุ่นมีทิวทัศน์ที่งดงาม และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแสนวิเศษหลายอย่างในแถบคันไซ ถ้าหากใครกำลังมองหาที่เที่ยวสวยๆ ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวแออัดมากนักก็ลองมาสำรวจชายฝั่งญี่ปุ่นกันดูดีกว่า!
นอกจากหน้าผาโทจินโบแล้ว สถานที่ที่เราแนะนำในบทความนี้ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนถนนสายหลักเส้น 178 จึงสามารถเที่ยวแบบ Road trip ได้เช่นกัน หรือถ้าใครสนใจที่ไหนเป็นพิเศษ จะมุ่งหน้าไปเที่ยวแบบเดี่ยวๆ ก็ย่อมได้!
ภูมิภาคคันไซเต็มไปด้วยสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ลองดูที่เที่ยวและกิจกรรมเด็ดๆ จากเว็บไซต์ด้านล่างนี้ก่อนได้เลย!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่