เคล็ดลับ! ใช้ชีวิตอย่างหรูหราในอพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นขนาดจิ๋ว

เมื่อจินตนาการถึงการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น บางคนอาจนึกภาพเมืองที่แออัดและอพาร์ตเมนต์อันคับแคบ ถึงแม้ว่าหลายอย่างจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และปัจจัยอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นก็มักจะมีขนาดเล็กจริงๆ อย่างไรก็ตาม ขนาดเล็กก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สะดวกสบายเสมอไป!
Oyraa

เมื่อจินตนาการถึงการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น บางคนอาจนึกภาพเมืองที่แออัดและอพาร์ตเมนต์อันคับแคบ ถึงแม้ว่าหลายอย่างจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และปัจจัยอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นก็มักจะมีขนาดเล็กจริงๆ อย่างไรก็ตาม ขนาดเล็กก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สะดวกสบายเสมอไป!

หากคุณยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับอพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นก็ตามมาศึกษาเพิ่มเติมไปพร้อมๆ กัน แต่หากคุณรู้อยู่แล้ว ก็สามารถข้ามไปอ่านเคล็ดลับได้เลย!

ข้อดีของอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็ก

Apartment bedroom
Image Credit: PIXTA

อพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นขนาดเล็กอาจไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกของคุณ แต่มันก็มีข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามอยู่เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าบริเวณที่คุณอาศัย อพาร์ตเมนต์พวกนี้อาจมีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ ทำให้คุณสามารถประหยัดเงินค่าเช่าไปได้มากทีเดียว

นอกจากนี้ ฤดูร้อนที่อับชื้นและฤดูหนาวที่เย็นเฉียบของญี่ปุ่นก็อาจทำให้คุณต้องใช้เครื่องปรับอากาศและฮีตเตอร์ทำความร้อนบ่อยๆ เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่แคบลงก็จะช่วยคุณประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นด้วย

เมื่อไม่มีห้องจำนวนมากแล้ว คุณก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และข้อดีข้อสุดท้ายก็คือ คุณสามารถวางใจได้ว่าจะไม่ต้องอยู่คนเดียวแน่นอน เพราะห้องขนาดกะทัดรัดถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนักเรียนและคนที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ทั่วญี่ปุ่น คุณจึงสามารถหาซื้อเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์นี้โดยเฉพาะได้มากมาย แถมราคาก็ไม่แพงมากด้วย

ผังห้องอพาร์ตเมนต์: จาก 1R ไปจนถึง 1LDK

Apartment floor plans
Image Credit: PIXTA

อพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นมีการจัดกลุ่มตามจำนวนห้องนอนซึ่งแทนที่ด้วยตัวเลข และหากจะดูว่ามีพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหาร และครัวแยกต่างหากด้วยหรือไม่ ก็สามารถดูได้ที่อักษร L, D, K ตามลำดับ อีกเรื่องหนึ่งที่คุณควรทราบก็คือ โดยปกติแล้วพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหารและครัวมักจะถูกจัดให้อยู่ในห้องเดียวกัน

ตัวอย่างเช่น อพาร์ตเมนต์ 1DK ไม่ได้มีห้องแยก 3 ห้อง แต่จะเป็น 1 ห้องนอน กับอีก 1 ห้องใหญ่พอซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งห้องนั่งเล่นกับห้องรับประทานอาหาร และในส่วนของผังห้อง ห้องนอนก็จะถูกแทนด้วยคำว่า 洋室 (yōshitsu) ที่แปลว่าห้องแบบตะวันตก หรือ 和室 (washitsu) ที่แปลว่าห้องแบบญี่ปุ่นซึ่งปูด้วยเสื่อทาทามิ

One room Japanese apartment

1R (ワンルーム)

อพาร์ตเมนต์ห้องเดี่ยวเรียกว่า “One Room” (ワンルーム / wanrūmu) เมื่อย่อแล้วจะเป็น 1R พื้นที่หลักของมัน คือ 1 ห้องสมชื่อ และจะไม่มีกำแพงหรือประตูแยกพื้นที่สำหรับนอน นั่งเล่น และทำครัวออกจากกัน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับพื้นที่ทั้งหมดทันที แน่นอนว่าส่วนห้องน้ำจะมีพื้นที่เป็นของตัวเอง แต่โดยทั่วไปก็จะเป็นห้องน้ำแบบ “Unit Bath” (ユニットバス / yunitto basu) ซึ่งรวมอ่างแช่น้ำ อ่างล้างหน้า และชาวเวอร์อาบน้ำไว้ในห้องขนาดกะทัดรัดห้องเดียว

Unit bath style bathroom
Image Credit: PIXTA

1K, 1DK, และ 1LDK

ตัวเลือกอื่นที่ราคาไม่สูงมาก ได้แก่ 1K, 1DK, 1LDK โดย 1K นั้นจะคล้ายกับ 1R ในเรื่องพื้นที่ใช้สอยและการวางผัง แต่ 1K มักจะมีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ครัวกับห้องนอน สรุปคือทั้ง 2 แบบนี้จะไม่ค่อยต่างกันเท่าไร ยกเว้นการที่สามารถกันเสียงจากห้องครัว ห้องซักผ้า และกลิ่นต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง

ตัวอย่างด้านล่างนี้ไม่ได้มีเพียงห้องหลักแบบตะวันตก (洋室 / yōshitsu) และครัว (台所 / daidokoro) ที่อยู่แยกกันเท่านั้น แต่ยังมีห้องน้ำที่แยกออกจากพื้นที่ล้างหน้า (洗面 / senmen) และห้องอาบน้ำ (浴室 / yokushitsu) ที่แยกออกจากห้องสุขาด้วย

Japanese 1K apartment floor plan
Image Credit: PIXTA

แบบต่อไปก็คือ 1DK ซึ่งมีพื้นที่สำหรับทำครัวและรับประทานอาหารขนาดใหญ่เพิ่มไปในห้องปกติ และยังมีความเป็นได้ที่ห้องสุขาและห้องอาบน้ำจะแยกออกจากกันมากกว่าแบบ 1R และ 1K ด้วย (แต่แบบ Unit Bath ก็ยังมีให้เห็นอยู่มากเช่นกัน) ส่วนในกรณีของ 1LDK ก็จะหมายถึงอพาร์ตเมนต์ที่มี 2 ห้องหลัก (ห้องนอนกับห้องสำหรับนั่งเล่น, รับประทานอาหาร, เข้าครัว) เช่นกัน แต่มักจะมาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่เก็บของแบบบิวท์อินที่มากขึ้นด้วย

ตัดสินใจเลือกประเภทอพาร์ตเมนต์

Couch in a sunny living room
Image Credit: PIXTA

ไม่ว่าจะมองหาห้องแบบไหน คุณก็ควรทำความคุ้นเคยกับตัวเลือกที่ต่างกัน และดูว่ามีเรื่องไหนที่คุณพอจะยืดหยุ่นได้บ้าง บางครั้งอพาร์ตเมนต์ใหญ่ๆ ก็อาจมี Unit Bath ขนาดเล็ก หรือไม่ก็มีเตาทำอาหารเพียงเตาเดียวในครัว ในขณะที่อพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กอาจมีพื้นที่เก็บเสื้อผ้ามากกว่าที่คุณคิดก็ได้

นอกจากนี้ คุณก็ควรดูเรื่องพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าไว้ด้วย บ้างอาจอยู่ในห้อง บ้างอาจอยู่นอกระเบียง หากในผังห้องไม่มีการระบุไว้เลย นั่นหมายความว่าคุณอาจจะต้องใช้ห้องซักผ้าส่วนรวม หรือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทอพาร์ตเมนต์ของญี่ปุ่น ขอแนะนำให้อ่านต่อที่บทความนี้!

ใช้ประโยชน์จากพื้นที่นั่งเล่นให้เต็มร้อย

เมื่อคิดอยากเช่าอพาร์ตเมนต์ดีๆ สักแห่ง คุณก็คงต้องคิดว่าจะซื้ออะไรเข้าไปใส่ดี หรือหากคุณกำลังอาศัยอยู่อยู่ในอพาร์ตเมนต์อยู่แล้วและเริ่มรู้สึกว่าพื้นที่มันแคบลง ก็ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะช่วยให้พื้นที่นั่งเล่นของคุณน่าอยู่มากขึ้น!

หาเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่กินที่

Bedroom with bed including storage areas

เมื่อคุณมีห้องให้จัดเพียง 1 – 2 ห้องก็ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ชาญฉลาดเข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นเตียง โซฟา โต๊ะเรียน โต๊ะกาแฟ หรือชั้นหนังสือ ต่างก็ใช้พื้นที่และเงินมากพอสมควร ดังนั้นจึงควรไตร่ตรองให้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้จริงๆ

หากเป็นไปได้ เราขอแนะนำให้มองหาเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ได้หลายวัตถุประสงค์หรือไม่ก็อันที่มีชิ้นส่วนกะทัดรัด ตัวอย่างเช่น การซื้อเตียงโซฟา (Sofa-bed) จะทำให้คุณไม่ต้องปวดหัวเกี่ยวกับการแบ่งพื้นที่นอนและพื้นที่นั่งเล่น หากคุณชอบเตียงปกติมากกว่า ก็ลองหาเตียงที่มาพร้อมกับช่องเก็บของด้านล่างเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ (รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป) สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตัดสินใจเลือกเตียงที่ใช่ได้ใน คู่มือรู้รอบด้านเกี่ยวกับเตียงญี่ปุ่น!

Couple sitting at kotatsu
Image Credit: PIXTA

สำหรับพื้นที่เรียน/ทำงานหรือผ่อนคลาย แทนที่จะเป็นโต๊ะแบบตะวันตกสูงๆ พร้อมเก้าอี้ที่กินพื้นที่ เราขอแนะนำให้ลองหาโต๊ะเตี้ยๆ กับเบาะรองนั่งพื้นแทน โต๊ะสไตล์ญี่ปุ่นพวกนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก ทั้งยังมีแบบพับได้ให้เลือกด้วย

หรืออีกตัวเลือกหนึ่ง ไหนๆ คุณก็อยู่ญี่ปุ่นแล้ว ทำไมไม่ลองหาซื้อโคะทัตสึ (โต๊ะที่มีฮีตเตอร์ติดอยู่ด้านล่าง ตามภาพด้านบน) ดูล่ะ? โคะทัตสึสามารถมอบความสบายและความอบอุ่นที่ยอดเยี่ยมให้คุณได้ และที่สำคัญคือคุณจะไม่จำเป็นต้องเปลืองไฟเปิดฮีตเตอร์ทั้งห้องด้วย เมื่อหมดช่วงหน้าหนาว เพียงแค่เก็บผ้าห่มไป คุณก็จะได้โต๊ะสำหรับใช้งานธรรมดาแล้ว

อีกพื้นที่ที่จะได้ใช้ประโยชน์จากเฟอร์นิเจอร์ขนาดกะทัดรัดก็คือ ระเบียงห้องของคุณ เพียงตั้งโต๊ะและเก้าอี้พับได้ก็จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับรับอากาศดีๆ หรือเปลี่ยนมันเป็นมุมผ่อนคลายเล็กๆ ส่วนตัวของคุณก็ได้

เก็บของอย่างชาญฉลาด

Woman organizing folded towels in containers

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนของ Marie Kondo เพื่อจะเก็บของได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ได้ เพียงใช้ช่องว่างในตู้เสื้อผ้าห้องนอนและชั้นเก็บของอื่นๆ ให้เต็มที่ ด้วยการหาภาชนะใส่ของง่ายๆ ที่ช่วยให้หยิบจับของที่แตกต่างกันได้ง่ายขึ้นก็เพียงพอแล้ว (มันอาจจะช่วยให้คุณมีระเบียบมากขึ้นด้วยนะ!)

ห้องนอนบางแห่งไม่ได้มาพร้อมเสาสำหรับแขวนเสื้อผ้า แต่คุณก็สามารถหาทางออกได้ด้วยการใช้ไม้และชั้นวางรับแรงดึง (突っ張り棒 / tsupparibō และ 突っ張り棚 / tsupparidana) ของเหล่านี้ราคาถูก ปรับเปลี่ยนได้ และไม่สร้างความเสียหายให้กับกำแพง อย่างไรก็ตาม คุณควรเช็กก่อนซื้อด้วยว่าอุปกรณ์เหล่านี้รองรับน้ำหนักได้เท่าไร ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ของต่างๆ หล่นกระจายไปทั่วห้องนั่นเอง

Wall shelf
Image Credit: PIXTA

นอกจากนี้ หากคุณลดจำนวนเสื้อผ้าลง เพื่อใช้พื้นที่ที่เหลือในตู้เสื้อผ้าสำหรับเก็บหนังสือและของจิปาถะต่างๆ ได้ก็จะดีมาก การใส่ชั้นวางของเล็กๆ ไว้ในตู้เสื้อผ้าจะทำให้คุณหยิบจับข้าวของต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยให้มันดูไม่เกะกะด้วย สำหรับสูตรโกงประหยัดพื้นที่ขั้นสุด คือ การเปลี่ยนตู้เสื้อผ้าแบบญี่ปุ่น (押入れ / oshiire) ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับทำงาน โดยติดไฟเท่าที่จำเป็นและใช้ชั้นวางของตรงกลางตู้แทนโต๊ะไปเลย

ค้นหาพื้นที่แนวตั้ง

หากห้องนอนของคุณมีพื้นที่เก็บของแถมมาให้น้อยก็ไม่ต้องกังวลไป ลองมองหาพื้นที่แนวตั้งว่างๆ รวมถึงบนกำแพง มีตัวช่วยมากมายที่คุณสามารถใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นตะขอ ชั้นวางติดผนัง หรือตะแกรงลวด คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย แถมยังไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องนอนด้วย

คุณสามารถใช้ประโยชน์จากตะขอและหิ้งที่เอื้อมถึงง่ายในห้องครัวและบริเวณซักผ้าได้เช่นกัน อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาหาเครื่องครัวหรือผงซักฟอก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากห้องเช่าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นเข้มงวดกับเรื่องความเสียหายจากตะปูและสกรูมาก จึงควรใช้ตัวเลือกที่เป็นมิตรกับกำแพงอย่างอุปกรณ์ติดผนังของ Muji ที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงแทน

Picture rail
Image Credit: PIXTA

อพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังมาพร้อมกับราวแขวนภาพ (ピクチャレール) ซึ่งเป็นราวเหล็กที่ติดด้วยตะขอ และถึงแม้จะไม่มีมาให้ คุณก็สามารถหาซื้อเองได้ ราวพวกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีซึ่งช่วยเพิ่มความอิสระในการจัดสรรพื้นที่ ทั้งพื้นที่เก็บของและการตกแต่ง หากคุณสนใจเรื่องการแต่งบ้านเป็นพิเศษก็สามารถลองแขวนงานศิลปะและต้นไม้เล็กๆ ดูได้

นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้กำแพงเป็นผ้าใบเพื่อสร้างงานศิลปะได้เช่นกัน โดยการติดสติ๊กเกอร์หรือวอลเปเปอร์ แต่อย่าลืมใช้แบบลอกออกง่ายๆ ด้วยนะ! การใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ห้องของคุณมีเอกลักษณ์ขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงความสนใจไปที่ผนังซึ่งทำให้รู้สึกว่าห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย

ปลดปล่อยสไตล์ของคุณออกมา

การใช้ประโยชน์ห้องให้ได้อย่างเต็มที่นั้นสำคัญก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะใส่ความเป็นตัวเองลงไปไม่ได้! อพาร์ตเมนต์ส่วนใหญ่มักจะมีโทนสีธรรมชาติ กล่าวคือ กำแพงสีขาวหรือสีเบจอ่อนๆ กับพื้นไม้หรือเสื่อทาทามิ แต่คุณก็ไม่ต้องลังเลที่จะเพิ่มสีสันที่คุณชอบลงไปด้วยการใช้ผ้าม่านเก๋ๆ ผ้าปูเตียงที่มีลูกเล่น หรือสิ่งที่คุณชอบ

Housplants
Image Credit: PIXTA

พืชสีเขียวอย่างต้นไม้ในร่มและสวนสมุนไพรจิ๋วช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับบรรยากาศได้ดีมาก หากคุณกังวลเรื่องสกิลการดูแลต้นไม้ของตัวเองก็ลองเลือกพืชอวบน้ำที่มีขนาดเล็ก น่ารัก และยังดูแลง่ายสุดๆ มาเลี้ยงดู คุณยังสามารถเพิ่มมิติให้กับห้องได้ด้วยการเพิ่มแหล่งแสงสว่างอื่นๆ เช่น ไฟเส้น โคมไฟ ฯลฯ อย่าลังเลที่จะตกแต่งในแบบที่คุณชอบ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นห้องของคุณ!

เคล็ดลับทั่วไป

Japanese woman inspecting apartment room
Image Credit: PIXTA

การหาอพาร์ตเมนต์ใหม่อาจเป็นอุปสรรคที่แสนวุ่นวาย แต่คุณก็ควรหาเวลาไปดูสถานที่จริงด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจด้วย เพราะถึงแม้ว่าผังห้องจะบอกพื้นที่โดยใช้หน่วยเป็นเสื่อทาทามิหรือตารางเมตรแล้ว แต่หากไม่ได้เห็นด้วยตาก็อาจกะขนาดของห้องไม่ถูกเหมือนกัน

นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้จดขนาดของสิ่งต่างๆ ไว้ให้ชัดเจน ทั้งมุมและซอกเล็กๆ ของห้อง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ และของตกแต่งใหญ่ๆ ทั้งที่คุณมีอยู่และที่กำลังวางแผนจะซื้อ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งสงสัยว่าจะวางของได้พอดีหรือเปล่า

การเคลื่อนย้ายหรือจัดระเบียบห้องปัจจุบันของคุณนั้นถือเป็นโอกาสดีที่จะพิจารณาว่ามีอะไรที่คุณต้องการจริงๆ ในชีวิตประจำวันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของกระจุกกระจิก หรือข้าวของเครื่องใช้ คุณอาจลองเพิ่มพื้นที่ในห้องด้วยการขายหรือบริจาคของที่ไม่ต้องการแล้วผ่านตลาดสินค้าอย่าง Mercari หรือชุมชนออนไลน์อย่าง Jimoty ดู

Woman sorting clothes into box

ในกรณีที่คุณกังวลเกี่ยวกับงบในกระเป๋า ขอให้วางใจได้เลยว่าคุณไม่จำเป็นต้องควักเงินมากมายเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์สำหรับเก็บของ เพราะมีตัวเลือกราคาถูกอยู่มากมายตามร้านที่มีสาขาจำนวนมากอย่าง Nitori แถมคุณยังสามารถหาของตกแต่งและไอเท็มเก็บของเก๋ๆ ได้ที่ร้าน 100 เยนอีกด้วย หากคุณใช้บริการ Mercari และ Jimoty ในฐานะผู้ซื้อ ก็ยังอาจได้เครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์มือสองคุณภาพดีในราคาถูกอีกด้วย

สรุป

แม้ว่าคุณจะไม่คุ้นเคยกับขนาดของอพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่น แต่ก็มีวิธีมากมายที่จะช่วยให้คุณคุ้นเคย และสนุกไปกับมัน! นับว่าโชคดีที่ญี่ปุ่นมีทางออกที่ยอดเยี่ยมมากมายในการจัดสรรพื้นที่และเก็บของ แค่เตรียมตัวให้ดีและใช้ความพยายามอีกเล็กน้อย ห้องเล็กๆ ของคุณก็จะกลายเป็นพื้นที่สุดหรูได้ในพริบตา!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !

เครดิตภาพหัวเรื่อง:  Photographee.eu / Shutterstock.com

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

Oyraa
0 Shares: