เมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงของคนญี่ปุ่น ก็มักจะนึกถึงสุนัขหรือแมวกันเป็นส่วนใหญ่ คนญี่ปุ่นส่วนมากจะเลี้ยงสุนัขเพราะความซื่อสัตย์ของมัน และจะอยู่ร่วมกันเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งในบรรดาสุนัขสายพันธุ์ญี่ปุ่นทั้งหลาย สายพันธุ์ชิบะและอาคิตะจะโด่งดังเป็นพิเศษ แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว ก็ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่คุณสามารถพบเห็นได้แต่เพียงในญี่ปุ่นเท่านั้น และแน่นอนว่าความน่ารักน่าเอ็นดูของมันจะทำให้คุณเผลอยิ้มไปตามๆ กันอย่างแน่นอน!
1. สุนัขญี่ปุ่นคือ?
“สุนัขญี่ปุ่น”คือ สุนัขสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดดั้งเดิมในญี่ปุ่น และได้ถูกกำหนดให้เป็นสัตว์สงวนของประเทศ โดยมีทั้งหมด 6 สายพันธุ์คือ สายพันธุ์ชิบะ สายพันธุ์คิชู สายพันธุ์ชิโกะคุ สายพันธุ์ไค สายพันธุ์ฮอกไกโด และสายพันธุ์อาคิตะ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์นั้นจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและประวัติศาสตร์ของแต่ละสถานที่ที่ถูกเลี้ยงดูมา
นอกเหนือจากสุนัข 6 สายพันธุ์นี้แล้ว ก็ยังมีสุนัขสายพันธุ์โทะสะ สายพันธุ์จิน สายพันธุ์แจแปนิส สปิตซ์ สายพันธุ์แจแปนิส เทร์เรียร์ ฯลฯ อีกหลายชนิดที่เป็นสายพันธุ์ที่เกิดในญี่ปุ่น (แต่มีต้นกำเนิดมาจากที่อื่น) โดยบทความนี้จะขอแนะนำสายพันธุ์สุนัขที่มีเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นให้ได้รู้จักกัน
2. สายพันธุ์ของสุนัขญี่ปุ่น
・พันธุ์ชิบะ
สุนัขญี่ปุ่นพันธุ์ชิบะนี้ มีต้นเกิดมาตั้งแต่ยุคโจมง (ประมาณ 12,000 – 4,500 ปีก่อน) โดยถูกเลี้ยงไว้เป็นสุนัขล่าสัตว์ และเป็นพันธุ์ที่มีความผูกพันกับคนญี่ปุ่นอย่างลึกซื้งเป็นเวลายาวนาน สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขขนาดเล็กเพียงชนิดเดียวในจำนวนสุนัขญี่ปุ่นทั้งหมด โดยมีน้ำหนักตัวเพียงประมาณ 9 กิโลกรัม มีขนสั้น หูตั้ง และมีหางที่ม้วนงอเป็นเอกลักษณ์
สุนัขพันธุ์นี้มีความระแวดระวังตัวสูงและเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างมาก ทั้งยังมีนิสัยจงรักภักดีซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก เป็นสายพันธุ์ที่นิยมนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และยังเป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมากในต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีนี้ “สุนัขพันธุ์มาเมะชิบะ” ที่มีขนาดเล็กกว่าพันธุ์ชิบะ โดยมีน้ำหนักเพียง 4 – 6 กิโลกรัม ก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน
・พันธุ์คิชู
เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ถูกเลี้ยงในแถบภูเขาที่ทอดยาวข้ามจังหวัดวากายาม่า มิเอะ และนารา โดยแต่เดิมนั้นถูกเลี้ยงเป็นสุนัขล่าสัตว์ มีน้ำหนักประมาณ 13 – 27 กิโลกรัม มีขนสีขาวที่สวยงาม รูปร่างกระชับแข็งแกร่ง และมีสันจมูกที่เด่นชัดเป็นเอกลักษณ์
คิชูเป็นพันธุ์ที่มีกำลังแข็งแกร่ง แต่ก็มีนิสัยเงียบๆ เรียบร้อยและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าสุนัขพันธุ์นี้ยังเป็นพันธุ์ที่ว่านอนสอนง่ายอีกด้วย
・พันธุ์ชิโกคุ
เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดตามชื่อสายพันธุ์ คือ มาจากแถบภูเขาทางตอนกลางของภูมิภาคชิโกคุที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เป็นสุนัขที่มีความสามารถสูงที่ถูกเลี้ยงไว้สำหรับล่าสัตว์ในอดีต มีน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม มีสีขนคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกและมีหน้าตาที่ดูเหมือนสัตว์ป่า ทำให้ในบางครั้งผู้คนเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกญี่ปุ่น จนเคยเกิดความโกลาหลขึ้นเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีสัญชาตญาณในการล่าและการต่อสู้สูง หากเจ้าของไม่ควบคุมไว้ให้ดีก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุจากการกัดได้ จึงต้องระมัดระวังในการเลี้ยงดูเป็นอย่างมาก
・พันธุ์ไค
เป็นสุนัขที่เกิดในญี่ปุ่น แต่ก็ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์สปิตซ์ที่อยู่ทางเหนือ เคยถูกเลี้ยงเป็นสุนัขล่าสัตว์ในบริเวณเทือกเขาแอลป์ใต้ในเขตไคของจังหวัดยามานาชิ มีน้ำหนักประมาณ 12 – 18 กิโลกรัม มีหน้าตาและรูปร่างที่กระชับได้สัดส่วนและค่อนข้างดุ เมื่อโตขึ้นจะมีรูปร่างและสีขนที่สวยงามเหมือนเสือเป็นเอกลักษณ์ แต่เนื่องจากว่ามีความเป็นนักล่าค่อนข้างมากและเชื่องยาก จึงไม่เหมาะสำหรับเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง
・พันธุ์ฮอกไกโด
เพราะเป็นพันธุ์ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชนเผ่าไอนุที่อาศัยอยู่ในฮอกไกโดมาตั้งแต่อดีต สุนัขพันธุ์นี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า สุนัขพันธุ์ไอนุ ซึ่งจะมีสีขนเป็นสีแดง สีดำ สีขาว แตกต่างกันไปหลากหลาย ใต้เส้นขนจะมีเยื่อบุผิวหนา 2 ชั้นเพื่อให้สามารถทนกับความหนาวเย็นได้ จึงไม่ทนกับสภาพอากาศร้อน
สุนัขพันธุ์นี้มีน้ำหนักตัวประมาณ 20 กิโลกรัม มีกระดูกใหญ่ เป็นสุนัขที่มีความอดทนสูงและซื่อสัตย์ หากสามารถสร้างความไว้วางใจให้กับสุนัขพันธุ์นี้ได้ก็จะกลายเป็นคู่หูที่ฉลาดและเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
・พันธุ์อาคิตะ
ในบรรดาสุนัขญี่ปุ่นทั้งหมด สุนัขพันธุ์อาคิตะเป็นเพียงพันธุ์เดียวที่เป็นสุนัขขนาดใหญ่ และเป็นพันธุ์ที่เป็นต้นแบบของ “รูปปั้นฮาจิโก สุนัขผู้ซื่อสัตย์” ที่เป็นจุดนัดพบชื่อดังในเขตชิบุย่าของกรุงโตเกียว
แต่เดิมสุนัขพันธุ์นี้ได้ถูกเลี้ยงไว้ล่าสัตว์ในแถบภูเขาของจังหวัดอาคิตะ เป็นสุนัขที่มีรูปร่างแข็งแกร่งและมีน้ำหนักตัวประมาณ 35 – 50 กิโลกรัม มีขนฟูนุ่มและมีหน้าตาน่ารักที่เป็นมิตร และเนื่องจากว่ามีนิสัยเงียบสงบและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก จึงเป็นพันธุ์ที่เป็นที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ
・พันธุ์โทสะ
เป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่เลี้ยงไว้สำหรับต่อสู้กับสุนัขตัวอื่น (กีฬาชนิดหนึ่ง) ในแคว้นโทสะ หรือจังหวัดโคจิในปัจจุบัน มีน้ำหนักประมาณ 90 กิโลกรัม มีรูปร่างกระชับและมีกล้ามเนื้อมากกว่าสุนัขญี่ปุ่นพันธุ์อื่นๆ มีผิวย่นและหูลู่เป็นเอกลักษณ์
เนื่องจากเป็นสุนัขสำหรับต่อสู้ที่มีสัญชาตญาณในการต่อสู้สูง จึงมีนิสัยระแวดระวังต่อคนและสุนัขแปลกหน้าเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นสุนัขที่ชอบอยู่กับคนและมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเช่นกัน
・พันธุ์จิน
เป็นพันธุ์ที่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นคนระดับชนชั้นสูงหรือคนธรรมดา ทั้งยังเคยเป็นที่ชื่นชอบของ โชกุนโทะคุกาว่าสึนาโยชิ ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่ารักสุนัขเป็นอย่างมาก
สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขขนาดเล็กที่มีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม มีจมูกแบนและขนยาวสลวยเป็นเอกลักษณ์ เป็นสุนัขที่ไม่ค่อยมีกลิ่นตัวจึงเหมาะสำหรับเลี้ยงในห้อง มีนิสัยเงียบๆ และเป็นมิตรต่อทั้งคนและสุนัขด้วยกัน จึงเป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่น
・พันธุ์แจแปนิส สปิตซ์
สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขญี่ปุ่นที่มีต้นตระกูลมาจากประเทศตะวันตก เป็นสุนัขขนาดกลางที่มีน้ำหนัก 9 – 11 กิโลกรัม มีหูตั้ง ปากแหลม และมีขนขาวนุ่มเป็นเอกลักษณ์ มีนิสัยร่าเริงขี้เล่น อยากรู้อยากเห็นแต่ก็ระแวดระวังสูง จึงเคยเป็นที่ว่ากันว่าเป็นสุนัขที่เห่าบ่อยมากเกินจำเป็น แต่ปัจจุบันก็มีสุนัขที่มีนิสัยเงียบเรียบร้อยเพิ่มมากขึ้น เป็นสุนัขที่มีความจำดีและเชื่อฟังเจ้าของ แต่ถ้าไม่สามารถอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบก็อาจทำให้รู้สึกวิตกกังวลได้
・พันธุ์แจแปนิส เทร์เรียร์
เป็นพันธุ์ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักแม้ในประเทศญี่ปุ่นเอง และมีจำนวนน้อยจนเกือบจะสูญพันธุ์ ว่ากันว่าเป็นสุนัขจากประเทศฮอลแลนด์ที่นำเข้ามาในเมืองนางาซากิในสมัยเอโดะ (ปี 1603 – 1868) เมื่อครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนทางการค้า
พันธุ์นี้เป็นสุนัขขนาดเล็กที่มีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม มีขนสั้นเกรียนจึงไม่ทนต่อความหนาว บริเวณหัวจะมีสีดำ สีน้ำตาลอ่อนและสีขาวปนกัน ส่วนลำตัวจะมีสีขาว มีนิสัยร่าเริงและระแวดระวังแต่ก็เป็นมิตรกับคน จึงสามารถอยู่กับเด็กหรือสุนัขอื่นๆ ได้อย่างสนิทสนม
3. สถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับสุนัข
・รูปปั้นฮาจิโก (โตเกียว)
รูปปั้น “ฮาจิโก” สุนัขพันธุ์อาคิตะที่เฝ้ารอการกลับมาของเจ้าของอยู่ที่สถานีชิบุย่าเป็นเวลานานถึง 9 ปี หลังจากที่เจ้าของได้ตายจากไปในช่วงปี 1920 และด้วยความซื่อสัตย์และกล้าหาญนี้ จึงทำให้กลายเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังได้ถูกนำเรื่องราวไปทำเป็นภาพยนต์ฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว
ปัจจุบัน ลานรูปปั้นนี้ได้กลายเป็นจุดนัดพบชื่อดังของสถานีรถไฟชิบุย่า จังหวัดโตเกียว
ชื่อ | รูปปั้นฮะจิโก |
---|---|
ที่อยู่ | 2-1 Dogenzaka, Shibuya-ku, Tokyo |
การเดินทาง | อยู่ติดกับสถานี Shibuya |
・Jingi-taisha (จังหวัดชิซูโอกะ)
Jingitaisha (神祇大社) เป็นศาลเจ้าที่อยู่ในที่ราบสูงอิซุ มีชื่อเสียงจากการที่สามารถพาสุนัขเข้าไปสักการะด้วยได้ มีพื้นที่ให้บริการน้ำดื่มสำหรับสัตว์เลี้ยง และสามารถพาไปสักการะได้โดยการจูงเชือกคล้องคอ
นอกจากนี้ยังมี เอมะ แผ่นป้ายขอพรที่สามารถวาดรูปสุนัขได้ตามชอบ ซึ่งความน่ารักของแผ่นป้ายนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียง และยังมีเครื่องรางที่สามารถติดไว้ที่ปลอกคอสัตว์เลี้ยงได้ ลองแวะไปขอพรให้สุนัขตัวโปรดมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขกันเถอะ
ชื่อ | Jingi-taisha |
---|---|
เวลาทำการ | เปิดบริการทั้งวัน (สถานที่รับแผ่นป้ายคุ้มครองเปิดให้บริการช่วง 9:00 – 16:00 น.) |
ที่อยู่ | 1088-8 Futo, Ito-shi, Shizuoka |
การเดินทาง | ลงรถไฟ JR ที่ “สถานี Ito” ต่อรถบัสมาลงที่ป้าย “Izuguranbarukoen” แล้วเดินต่อไปอีก 3 นาที |
・Inu-jinja (จังหวัดไอจิ)
Inu-jinja (伊奴神社) เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงด้านความศักสิทธิ์ของการมีบุตร การครองคู่อย่างมีความสุข และครอบครัวสงบสุข เป็นต้น โดยมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า มีนักบวชบนภูเขาท่านหนึ่งที่ถูกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ ได้ใช้ “โกะเฮ (御幣)” อุปกรณ์ทำพิธีทางศาสนาที่มีภาพสุนัขและตัวหนังสือที่เขียนว่า “ราชาสุนัข” ในการหยุดน้ำท่วม จึงมีรูปปั้นหินรูปสุนัขวางอยู่ในศาลเจ้า และเป็นที่นิยมในการสักการะของคนรักสุนัขมาจนปัจจุบัน
ชื่อ | Inu-jinja |
---|---|
เวลาทำการ | เปิดบริการทั้งวัน (ไหว้ขอพร 9:30 – 16:00 น., วันสุนัขและวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดให้บริการถึงเวลา 16:30 น.) |
ที่อยู่ | 2-12 Inou-cho, Nishi-ku, Nagoya-shi, Aichi |
การเดินทาง | นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tsurumaisen ลงที่ “สถานี Shonaitori” แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที |
ในบรรดาสุนัขญี่ปุ่นนั้น ดูเหมือนว่าสุนัขพันธุ์ชิบะจะเป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และถูกเลี้ยงเป็นสัตวเลี้ยงอยู่เป็นจำนวนมาก เราจึงสามารถพบเห็นสุนัขพันธุ์นี้เดินเล่นอยู่กับเจ้าของได้ทั่วไปเมื่อมาที่ประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นก็ยังมีสุนัขพันธุ์ที่หายากอยู่อีกมาก หากมีโอกาสได้เห็นก็ถือว่าโชคดีมากเลยทีเดียว และไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนก็มีสเน่ห์และเอกลักษณ์ที่น่าดึงดูด ลองสังเกตดูเวลาเดินเที่ยวในญี่ปุ่น คุณอาจจะโชคดีได้เจอสุนัขหายากก็เป็นได้!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่