การจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถชำระเงินได้อย่างง่ายๆ โดยใช้เพียงโทรศัพท์มือถือ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น และแอพจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่แนะนำกัน
การจ่ายเงินแบบไร้เงินสดคืออะไร?
การจ่ายเงินแบบไร้เงินสด หมายถึง รูปแบบการจ่ายเงินที่ใช้สิ่งอื่นแทนเงินสด ตัวอย่างที่รู้จักกันดีก็เช่นการจ่ายเงินผ่านบัตรต่างๆ อย่างบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่จ่ายด้วยแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเกี่ยวกับแอพจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่กำลังแพร่หลายและเป็นที่จับตาอย่างมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
การจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนคืออะไร?
การจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน เป็นวิธีจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนที่มักมีชื่อว่า “__Pay” ซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภท บางคนอาจเคยรู้สึกสนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรด้วยจำนวนแอพมากหน้าหลายตา ยิ่งไปกว่านั้น วิกฤตการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันยังทำให้การชำระเงินแบบไร้เงินสดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากด้วยไม่เสี่ยงต่อการสัมผัส เราจึงยกเอาขั้นตอนการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนโดยทั่วไป รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแอพมาแนะนำให้รู้จักกันในโอกาสนี้
อยากจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนต้องทำอย่างไร?
การจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนจะมีขั้นตอนโดยทั่วไปดังนี้
1. ดาวน์โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลดแอปที่ต้องการจาก App Store ใน iPhone หรือจาก Google Play ใน Android
2. สมัครใช้งาน
เปิดแอปขึ้นมาและใส่ข้อมูลที่จำเป็น โดยควรอ่านข้อกำหนดการใช้บริการอย่างละเอียด
3. เติมเงิน
วิธีเติมเงินอาจต่างกันไปตามแอปที่ใช้ อาจสามารถเติมได้จาก ATM ของธนาคาร หรือผูกกับบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารเพื่อเติมเงิน
4. ชำระเงินด้วย QR โค้ดหรือบาร์โค้ด
หากร้านรองรับการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน ก็สามารถแจ้งกับทางร้านเพื่อขอจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนได้ เช่นด้วยการพูดว่า “____ (ชื่อแอปที่ใช้) de onegai shimasu / ____ でお願いします” ที่แปลว่า “ขอชำระผ่านแอพ ____” โดยจะมีทั้งกรณีที่ต้องแสดงบาร์โค้ดให้พนักงานสแกน และกรณีที่พนักงานยื่น QR โค้ดมาให้เราสแกน ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน เมื่อสแกนแล้วการจ่ายเงินก็จะเป็นอันเสร็จสิ้น!
ข้อดีข้อเสียของการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน
จะเห็นได้ว่าเราสามารถเริ่มจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ แต่อย่างไรการจ่ายเงินด้วยวิธีนี้ก็มีข้อควรระวังอยู่เช่นกัน ลองมาดูกันอย่างคร่าวๆ ว่าข้อดีข้อเสียของการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนมีอะไรบ้าง
■ ข้อดี
・ไม่จำเป็นต้องควักกระเป๋าเวลาจ่ายเงิน สะดวกเวลาจ่ายเงินจำนวนน้อยๆ
・ไม่จำเป็นต้องเซ็นชื่อหรือใส่รหัสผ่าน
・มักได้รับคูปองหรือได้แต้มคืนเป็นเปอร์เซ็นตามที่จ่าย
・ตรวจสอบประวัติการใช้และยอดเงินคงเหลือได้ง่าย ช่วยป้องกันการใช้จ่ายมากเกินจำเป็น
■ ข้อเสีย
・มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น อาจมีผู้แอบอ้างนำไปใช้
・ร้านที่รองรับมีอยู่จำกัด
・ไม่สามารถใช้ได้ในที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
เวลาเลือกใช้แอพ นอกจากจะดูร้านรวงที่ใช้ได้หรือบริการต่างๆ อย่างการให้แต้มสะสม ยังควรพิจารณาด้วยว่าแอพนั้นๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีหรือเปล่า หรือหากเกิดปัญหาทางแอพจะชดเชยค่าเสียหายให้กับเราหรือไม่เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน
ไม่ต้องพกกระเป๋าเงินอีกต่อไป! เปรียบเทียบแอปจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน
ญี่ปุ่นได้พัฒนาสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีแอปจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนถูกพัฒนาขึ้นใหม่มากมาย ในส่วนนี้เราจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับ 4 แอพหลักๆ ที่ผู้คนรู้จักกันดี คือ PayPay, LINEPay, Rpay (Rakuten), และ au PAY
1)PayPay
บริการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่อย่าง SoftBank และ Yahoo บริหารร่วมกัน เป็นแอปยอดนิยมที่มีผู้ใช้เกินกว่า 30 ล้านคน และครองอันดับ 1 ในตลาดการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน จำนวนร้านที่รองรับก็มีมากกว่าแอพอื่นๆ สามารถใช้ได้กับร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านอาหาร และร้านอื่นๆ กว่า 2.6 ล้านแห่งทั่วญี่ปุ่น*
* ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2020
วิธีใช้
สแกน QR โค้ดของทางร้าน หรือยื่นบาร์โค้ดบนสมาร์ทโฟนของเราให้ร้านสแกน
วิธีเติมเงิน
ผ่านบัญชีธนาคาร, บัตร Yahoo, เงินสด (ผ่านตู้ ATM ของ Seven Bank) หรือจะให้คิดยอดรวมไปกับค่าโทรศัพท์ของ SoftBank หรือ Y!Mobile และจ่ายภายหลังก็ได้เช่นกัน
ข้อดี
・อัตราคืนแต้มสูง
มีระบบเพิ่มอัตราคืนแต้มที่ไม่มีในเจ้าอื่น โดยเริ่มต้นที่ 0.5% และเพิ่มได้จนถึง 1.5% โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการชำระเงินมากกว่า 100 เยนมากกว่า 50 ครั้งต่อเดือน (ได้เพิ่ม 0.5%) และมียอดเงินที่ใช้มากกว่า 1 แสนเยนต่อเดือน (เพิ่มอีก 0.5%)
・มีร้านที่รองรับเยอะ
มีร้านสะดวกซื้อ ร้าขายยา และร้านอาหารที่รองรับอยู่กว่า 2.6 ล้านแห่งทั่วญี่ปุ่น นอกจากจะจำนวนเยอะแล้วยังมีประเภทหลากหลาย เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่มีในเจ้าอื่น นอกจากนี้ ยงสามารถใช้จ่ายบิลต่างๆ อย่างค่าบริการของรัฐได้อีกด้วย
・สามารถโอนเงินระหว่างสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ
เพียงสแกน QR โค้ดก็สามารถโอนเงินระหว่างสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสามารถโอนผ่านไอดี PayPay หรือเบอร์โทรศัพท์ได้ด้วย ใช้ได้สะดวกในโอกาสต่างๆ อย่างการหารจ่ายตามงานสังสรรค์
ข้อเสีย
・จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชีธนาคารจึงจะสามารถเติมเงินได้
・ในกรณีที่ผูกบัตรเครดิตกับแอปจะมีการจำกัดยอดเงินที่สามารถใช้ได้เพื่อป้องกันเมื่อถูกผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปใช้
・จะไม่ได้รับแต้มคืนในกรณีที่จ่ายด้วยวิธีอื่นนอกจากเงินใน PayPay หรือบัตร Yahoo ที่ผูกกับแอปไว้
・บัตรเครดิตที่สามารถใช้เติมเงินเข้า PayPay ได้จะมีเพียงบัตร Yahoo ที่ผ่านการยืนยันตัวตน (3D Secure) แล้วเท่านั้น
ร้านที่รองรับ
ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านอาหาร อิซากายะ (บาร์แบบญี่ปุ่น) และร้านอื่นๆ อีกมากมาย
เว็บไซต์
2)LINEPay
บริการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนโดยบริษัทเจ้าของแอพชื่อดังอย่าง LINE แอปพลิเคชันแชทและโทรฟรีที่มีจำนวนผู้ใช้มากมายมหาศาลในญี่ปุ่น หากเป็นผู้ใช้ LINE ก็สามารถเริ่มใช้ได้ง่ายๆ เพียงกดยินยอมข้อตกลงเท่านั้น
วิธีใช้
สแกน QR โค้ดของทางร้าน หรือยื่นบาร์โค้ดบนสมาร์ทโฟนของเราให้ร้านสแกน
วิธีเติมเงิน
ผ่านบัญชีธนาคาร, เงินสด (ตู้ ATM ของ Seven Bank), เติมจาก Famiport ที่อยู่ใน Family Mart หรือจะเติมจากบัตร LINE Pay ที่ถือว่าเป็นบัตรเติมเงินรูปแบบหนึ่งก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าให้เติมเงินโดยอัตโนมัติจากบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้เมื่อจำนวนเหลือน้อยกว่าที่กำหนดได้ด้วย
ข้อดี
・เพียงแค่มีแอคเคาท์ LINE ก็สามารถใช้ได้
・มีบริการที่เกี่ยวข้องและร้านที่รองรับเยอะ
・หาที่เติมเงินโดยเงินสดได้ง่าย
・หากเป็นผู้ใช้ LINE Pay ด้วยกัน ก็จะสามารถโอนเงินหรือหารจ่ายระหว่างกันได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
・มีระบบคืนแต้มตามระดับสมาชิก (อัตราคืนแต้ม 1-3%)
ข้อเสีย
・ไม่รองรับการเติมเงินจากบัตรเครดิต
・หากไม่ลงทะเบียนบัญชีธนาคารบน LINE Pay จะไม่สามารถใช้บริการบางส่วนได้
ร้านที่รองรับ
ซูปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านอาหาร แท็กซี่ คาราโอเกะ ร้านเสริมสวย และร้านอื่นๆ ทั่วญี่ปุ่น
เว็บไซต์
3)Rpay (楽天pay)
Rpay เป็นแอปจากเครือ Rakuten ผู้บริหารตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ครองตำแหน่งอันดับ 1 ด้านความพึงพอใจของลูกค้าประจำปีงบประมาณ 2019 สำหรับผู้ที่ใช้บริการ Rakuten อยู่แล้วในชีวิตประจำวันก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะทีเดียว
วิธีใช้
สแกน QR โค้ดของทางร้าน หรือยื่นบาร์โค้ดบนสมาร์ทโฟนของเราให้ร้านสแกน
วิธีเติมเงิน
ผ่านบัตร Rakuten, Rakuten Bank, เงินจากการขายของผ่านแอป Rakuma หรือจะเลือกเติมจากบัตรเครดิตที่ผูกไว้ก็ได้เช่นกัน
ข้อดี
・ใช้งานได้ง่าย ได้เพียงแค่มีไอดี Rakuten และล็อคอินเข้าสู่ระบบเท่านั้น
・อัตราคืนแต้มจะเพิ่มขึ้นหากเติมเงินจากบัตร Rakuten
・ได้รับแต้มสะสมเป็นสองเท่าหากใช้บริการกับร้านที่รองรับบัตรสะสมแต้ม Rakuten
・สามารถสะสมแต้มจากการช็อปปิ้งออนไลน์ได้
ข้อเสีย
・จะไม่ได้รับแต้มห่กจ่ายด้วยบัตรเครดิตอื่นนอกจากบัตร Rakuten ที่ผูกกับแอพไว้
・ไม่สามารถผูกบัตรที่ไม่รองรับบริการยืนยันตัวตน (3D Secure) ได้
・มีวิธีเติมเงินจำกัด
ร้านที่รองรับ
ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านอาหาร ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า และเว็บไซต์ซ็อปปิ้งออนไลน์ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น
เว็บไซต์
4)au PAY
แอปพลิเคชันจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนที่ให้บริการโดยบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์รายใหญ่ KDD ใช้ได้แม้จะไม่ได้เป็นลูกค้าของเครือข่าย au แม้จะสามารถผูกบัญชีธนาคารได้เฉพาะของ au Jibun Bank เท่านั้น แต่ก็มีจุดเด่นที่รองรับบัตรเครดิตจากหลายเจ้าเป็นการทดแทน
วิธีใช้
สแกน QR โค้ดของทางร้าน หรือยื่นบาร์โค้ดบนสมาร์ทโฟนของเราให้ร้านสแกน
วิธีเติมเงิน
ผ่านบัญชีของ au Jibun Bank, บัตรเครดิต, ตู้ ATM ของ Seven Bank, หรือเติมด้วยเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ Lawson ทั่วญี่ปุ่น
ข้อดี
・สามารถจ่ายด้วยคะแนนสะสมใน au WALLET ที่ได้รับจากการชำระค่าโทรศัพท์ของ au ได้
・หากเชื่อมต่อกับบัตร Ponta ก็จะสามารถจ่ายด้วย Ponta Point ได้
・จัดแคมเปญสะสมแต้มอยู่เป็นประจำ ทำให้สะสมแต้มได้ง่าย
ข้อเสีย
・บัญชีธนาคารที่สามารถลงทะเบียนได้เป็นบัญชีของ au Jibun Bank เท่านั้น
ร้านที่รองรับ
ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านอุปกรณ์กีฬา และร้านในความร่วมมือกับ Rpay ทั่วญี่ปุ่น
เว็บไซต์
การจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนเริ่มเป็นที่นิยมมากด้วยเป็นวิธีที่แสนจะสะดวกสบาย ที่ญี่ปุ่นเองก็มีแอพสำหรับจ่ายเงินมากมายให้เลือกใช้ ลองดูข้อดีข้อเสียของแต่ละแอพแล้วก็เลือกใช้อันที่ตรงใจกันได้เลย
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่