การจะอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เรื่องเงินคงเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆ คนปวดหัวไม่น้อย เพราะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายล่วงหน้ามากมาย ตั้งแต่ค่าทำสัญญาเช่าที่อยู่อาศัย ค่าขนย้าย ไปจนถึงค่าข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ในครั้งนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายแรกเริ่มในการเข้าอาศัยในญี่ปุ่น โดยจะเน้นที่กรณีอาศัยคนเดียวเป็นหลัก มาทำความเข้าใจคำศัพท์และราคาค่าใช้จ่ายพื้นฐานต่างๆ เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ของคุณอย่างไร้กังวลกันเถอะ!
ค่าใช้จ่ายแรกเริ่มเท่าไร? โจทย์แรกที่ต้องเคลียร์ให้ได้!
สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจก็คือ ค่าใช้จ่ายแรกเริ่มต่างๆ ที่จำเป็นต่อการย้ายมาอยู่ในญี่ปุ่น โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะอยู่ที่ประมาณ 5-6 เท่าของค่าเช่าบ้าน 1 เดือน โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ “ค่าทำสัญญาเช่าแรกเริ่ม (初期費用)” “ค่าขนย้าย (引越し費用)” และ “ค่าข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน (生活用品の購入費用)”
ในบรรดาค่าใช้จ่ายทั้ง 3 อย่างนี้ สิ่งที่มีราคาสูงที่สุด คือ “ค่าทำสัญญาเช่าแรกเริ่ม” ซึ่งนับเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายแรกเริ่มที่ต้องเตรียมไว้เลยทีเดียว เมื่อพูดถึงค่าเช่า หลายคนอาจนึกถึงค่าเช่ารายเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ในการทำสัญญานั้นญี่ปุ่นจะมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างพิเศษอยู่ และอาจทำให้งบประมาณสูงกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้มาก เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อจะย้ายไปจริงๆ จึงควรตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ให้ดีก่อนล่วงหน้า
ค่าใช้จ่ายแรกเริ่มในการทำ “สัญญาเช่าที่อยู่อาศัย” สำหรับการอาศัยคนเดียว
● เงินประกัน (敷金)
เงินที่มอบให้กับผู้ให้เช่าเพื่อเป็นการรับประกัน จะถูกนำไปใช้ในการทำความสะอาดและซ่อมแซมหลังจากที่ย้ายออก รวมไปถึงกรณีที่มีการค้างค่าเช่า เงินส่วนนี้ก็จะถูกนำไปหักแทนค่าเช่าที่ค้างไว้
ห้องเช่าในญี่ปุ่นโดยพื้นฐานแล้วจะห้ามดัดแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะผนังหรือเปลี่ยนสีห้องก็ทำไม่ได้ หากตรวจพบจะมีการนำเอาเงินประกันไปใช้ในการซ่อมแซมเพื่อให้คืนสภาพเดิม
ในกรณีของการอาศัยอยู่คนเดียว เงินประกันจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เท่าของค่าเช่า 1 เดือน แต่ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามตัวห้องและทำเลที่ตั้ง ในบางกรณีจะมีการคืนเงินประกันให้หลังจากหักส่วนที่จำเป็นแล้วในตอนที่ทำการย้ายออก จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรตรวจสอบให้ดีด้วย
● เงินค่าตอบแทน (礼金)
เงินที่มอบให้แก่ผู้ให้เช่าเพื่อเป็นการขอบคุณในขั้นตอนการทำสัญญา เป็นธรรมเนียมเพื่อแสดงถึงความขอบคุณที่ผู้ให้เช่าปล่อยสถานที่ให้เราเช่า แม้ว่าจะไม่มีระบุไว้ตามกฎหมาย แต่ในข้อมูลการเช่าจะมีระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าตอบแทนด้วยหรือไม่
ในกรณีของการอาศัยอยู่คนเดียว เงินค่าตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เท่าของค่าเช่า 1 เดือน ในพักหลังนี้ก็มีการให้เช่าโดยไม่เรียกเก็บเงินค่าตอบแทนมากขึ้นก็มีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ต่างกับเงินประกันตรงที่จะไม่มีการคืนเงินส่วนนี้ให้ในตอนย้ายออก ดังนั้นหากสามารถประหยัดเงินค่าตอบแทนได้ก็เท่ากับเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วยในตัวนั่นเอง
● ค่าติดต่อประสานงาน (仲介手数料)
ค่านายหน้าที่ช่วยหาสถานที่ให้กับเรา โดยปกติแล้วหากเราไม่ได้ติดต่อกับทางผู้ให้เช่าโดยตรง ก็จะต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทนายหน้าในราคาเท่ากับค่าเช่า 1 เดือนโดยประมาณ
เนื่องจากบริษัทนายหน้าแต่ละรายจะคิดค่าติดต่อประสานงานไม่เท่ากัน ตอนที่เลือกบริษัทนายหน้าจึงควรดูรายละเอียดในส่วนนี้ด้วย
● ค่าเช่าล่วงหน้า (前家賃)
ค่าเช่าของเดือนที่ย้ายเข้ารวมกับค่าเช่าของเดือนถัดไป โดยปกติแล้วจะมีการเรียกเก็บค่าเช่าล่วงหน้าก่อนที่จะย้ายเข้า 1 เดือน ในกรณีที่ย้ายเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของเดือน (เช่น หลังวันที่ 15) อาจมีการคิดเงินโดยหารเป็นจำนวนวันจากค่าเช่ารายเดือนแทน
● ค่าประกันต่างๆ (各種保険料)
ในขั้นตอนการย้ายเข้าอาจมีการขอให้ทำประกันต่างๆ เช่น ประกันอัคคีภัยและทรัพย์สิน เพื่อเป็นการค้ำประกันตัวอาคาร เครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องในกรณีที่เกิดความเสียหายใดๆ ขึ้นมา ค่าประกันเหล่านี้จะตกอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 7,000 เยนต่อปี เนื่องจากสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาเช่าอยู่ที่ 2 ปี จึงมักจะต้องจ่ายค่าประกันในส่วนของ 2 ปีไปในครั้งเดียวเลยเมื่อย้ายเข้า ห้องเช่าหลายแห่งมักระบุประเภทประกันที่ต้องทำไว้แล้ว จึงควรตรวจสอบประเภทและราคาของประกันเหล่านี้ไว้ด้วย
● เงินค่าทำความสะอาด (清掃料金)
เงินค่าทำความสะอาดตอนย้ายออกนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการหักจากเงินประกัน แต่ก็มีบางกรณีที่เรียกเก็บในขั้นตอนการย้ายเข้าแทน สาเหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพราะว่าต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับค่าเช่าที่อาจเกิดขึ้นตอนย้ายออก รวมไปถึงกรณีที่ผู้เช่ารายเก่าเหลือเงินประกันเป็นศูนย์ จึงจำเป็นต้องเรียกเก็บค่าทำความสะอาดจากผู้เช่ารายใหม่แทน ในกรณีของห้องที่อยู่อาศัยคนเดียวเงินค่าทำความสะอาดจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 เยน เนื่องจากค่อนข้างสูงเกินคาด ตอนทำสัญญาจึงควรตรวจสอบให้ดีว่าเป็นการเรียกเก็บในขั้นตอนย้ายเข้าหรือย้ายออก
● การเปลี่ยนกุญแจ (鍵の交換)
หลายคนอาจจะรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องใช้กุญแจอันเดียวกันกับผู้เช่าห้องรายที่แล้ว ในกรณีนี้คุณสามารถขอเปลี่ยนกุญแจใหม่ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 18,000 เยน สำหรับกุญแจธรรมดาและประมาณ 20,000 – 30,000 เยน สำหรับอพาร์ทเมนต์ที่ใช้ระบบล็อคอัตโนมัติตรงประตูทางเข้า เนื่องจากน้อยครั้งที่เราจะรู้ว่าผู้เช่ารายที่แล้วเป็นใคร จึงขอแนะนำให้ขอเปลี่ยนกุญแจเพื่อป้องกันอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นได้
● เงินทำสัญญาที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกัน (保証会社へ支払う契約金)
เมื่อทำสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่น โดยปกติจะต้องมีการตั้ง “ผู้ค้ำประกัน” ขึ้นเพื่อรับผิดชอบจ่ายค่าเช่าแทนในกรณีที่ผู้เช่าเกิดจ่ายไม่ไหวขึ้นมา ในกรณีของชาวต่างชาติที่ต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องมีผู้ค้ำประกันเป็นคนญี่ปุ่น หากไม่สามารถหาผู้ค้ำประกันได้ บริษัทประกันก็จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่แม้จะหาผู้ค้ำประกันเป็นคนญี่ปุ่นได้แล้ว ก็ยังจำเป็นต้องทำสัญญากับบริษัทประกันด้วยเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายสำหรับบริษัทประกันนั้นจะแตกต่างกันไปตามสถานที่ให้เช่า โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 40% ของค่าเช่า 1 เดือน และมักจะเรียกเก็บทุกครั้งเมื่อมีการต่อสัญญา (ประมาณ 2 ปีต่อครั้ง)
เนื่องจากบริษัทประกันมีอยู่เป็นจำนวนมาก วิธีที่ดีที่สุด คือ ขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยเรียนหรือทำงานในญี่ปุ่น หรือผู้ที่รู้จักกับคนญี่ปุ่นโดยตรง นอกจากนี้ หากสามารถเลือกใช้บริการบริษัทประกันที่เหมาะกับชาวต่างชาติ หรือบริษัทนายหน้าที่เหมาะกับคนจากประเทศของคุณเองแล้ว ก็ยังไม่ต้องห่วงในกรณีที่เกิดปัญาหาในภายหลังอีกด้วย
ในกรณีของนักศึกษาแลกเปลี่ยน ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจะเป็นผู้ค้ำประกันให้ในค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูก (ปีละ 4,000 เยน) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีสิทธิ์แน่นอนในการเข้าศึกษาในสถานศึกษาที่ระบุไว้ และมีสถานะผู้อยู่อาศัยเป็น “นักเรียนแลกเปลี่ยน” สำหรับผู้ที่มีสิทธิดังนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ของ [JEES (Japan Educational Exchanges and Services)]
ราคากลางของ “ค่าขนย้าย” สำหรับอยู่คนเดียว มักจะแพงขึ้นในเดือนมีนาคมและเมษายน
ค่าขนย้าย (引っ越し費用)
เมื่อพูดถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ คนส่วนใหญ่ก็มักจะโฟกัสกับการทำสัญญาเช่าที่อยู่ใหม่จนลืมเรื่องค่าขนย้ายไป ในกรณีที่คุณย้ายมาจากประเทศอื่น ค่าใช้จ่ายก็อาจจะต่างไปมากเพราะต้องขึ้นอยู่กับระยะทางและน้ำหนักของสัมภาระ ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรลดสัมภาระให้ได้มากที่สุด พักหลังนี้ก็พอจะมีห้องเช่าที่มาพร้อมกับเครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่บ้าง จึงควรเลือกสัมภาระที่จะขนมาให้ดีโดยดูจากงบประมาณและระยะเวลาที่จะอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
< ค่าใช้จ่ายโดยทั่วไป >
แม้ราคาจะแตกต่างกันไปตามระยะทางและปริมาณสัมภาระ แต่ส่วนใหญ่แล้วในกรณีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นตามบ้าน หอพัก หรือแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวเป็นครั้งแรก ก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 30,000 เยน และประมาณ 40,000 เยน ในกรณีที่เป็นผู้พักอาศัยที่อยู่คนเดียวอยู่แล้วและต้องการย้ายไปยังที่อื่น สาเหตุที่กรณีหลังมีราคาสูงกว่าก็เพราะจำเป็นต้องขนเครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อไว้ในที่เช่าเก่ามาด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีสัมภาระน้อยหรือไม่ขนอะไรมาเลย ก็จะมีค่าใช้จ่ายไม่ต่างกับผู้ที่ย้ายออกมาอยู่คนเดียวเป็นครั้งแรกสักเท่าไหร่
< เวลา >
การเลือกเวลาในการย้ายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก ที่ญี่ปุ่นมีหลายคนที่เลือกจะย้ายที่อยู่ไปพร้อมๆ กับการย้ายสถานศึกษาหรือที่ทำงาน ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนที่เป็นช่วงเปลี่ยนไตรมาศ ค่าขนย้ายจึงสูงขึ้นไปประมาณ 1.5 เท่า อยู่ที่ประมาณ 60,000 เยนเลยทีเดียว หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ บริษัทขนย้ายบางแห่งก็ยังมีโปรโมชั่นที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายอยู่ด้วยเช่นกัน เช่น การขนย้ายแบบที่ไม่สามารถระบุเวลาในการแพ็กของและเวลาในการส่งไปถึงที่อยู่ใหม่
ค่าขนย้ายจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปริมาณหรือระยะทาง สิ่งที่เราพอทำได้คือการนำเอาราคาที่บริษัทแต่ละแห่งเสนอมาเปรียบเทียบกัน ในบางกรณีการต่อรองกับทางบริษัทขนย้ายโดยตรงก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
ค่าบริการพิเศษอื่นๆ
บริษัทขนย้ายมักจะมีบริการพิเศษเตรียมไว้ให้เราเลือกใช้ ตัวอย่างเช่น แพ็กของจุกจิก กำจัดของที่ไม่ต้องการ ติดตั้งเครื่องซักผ้าหรือเครื่องปรับอากาศ ติดตั้งและเดินสายโทรทัศน์ บริการเหล่านี้จะมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งหมด ราคาและรายละเอียดที่รับบริการก็จะต่างกันไปตามบริษัทขนย้ายแต่ละราย
ในส่วนของบริการแพ็กของ แม้ค่าใช้จ่ายจะต่างกันไปตามจำนวนพนักงานที่ใช้และปริมาณของ แต่ในกรณีของผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 เยน ส่วนของบริการกำจัดสิ่งของที่ไม่ต้องการ แม้จะต่างไปตามขนาด แต่ปกติแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 10,000 เยน
< การทิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้า >
เมื่อต้องการทิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ ที่ญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น หรือเครื่องซักผ้า มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องจ่ายเงินตามที่ระบุไว้และนำไปกำจัดด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง หากไม่อยากปวดหัวกับเรื่องนี้ อีกตัวเลือกที่ดีคือการใช้บริการบริษัทขนย้าย ในกรณีที่ไม่ใช่การทิ้งเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการซื้อเปลี่ยน ก็สามารถมอบของเก่าให้กับทางร้านได้เช่นกัน เราขอแนะนำให้ลองเทียบราคาดูเพื่อหาวิธีที่คุ้มค่าที่สุด
< ทิป >
ไม่จำเป็นต้องให้ทิปกับพนักงานขนย้าย แค่ให้เครื่องดื่มเย็นๆ หรือกาแฟสักกระป๋องก็ถือว่าเป็นการแสดงความขอบคุณที่เพียงพอแล้ว
“ค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน” ประหยัดได้หากรู้เคล็ดลับ!
● เครื่องใช้ไฟฟ้า (เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ)
ตู้เย็นที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดจะมาพร้อมกับฟังก์ชั่นแช่แข็ง มีราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 เยนสำหรับขนาด 200 ลิตร หากไม่ได้ทำอาหารรับประทานเอง ขนาด 100 ลิตรที่มีราคาประมาณ 10,000 เยนก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ด้านเครื่องซักผ้าก็มีราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 40,000 เยนสำหรับขนาด 5 – 7 กิโลกรัม และโทรทัศน์ 27 นิ้วก็จะมีราคาอยู่ที่ 20,000 – 30,000 เยน และไมโครเวฟก็มีราคาอยู่ที่ประมาณ 10,000 เยน หากไม่จำเป็นต้องใช้ฟังก์ชันเสริม เครื่องละประมาณ 5,000 เยนก็มีอยู่เช่นกัน
ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าจากต่างชาติมักถูกกว่าสินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่น หากไม่มีผู้ผลิตรายโปรดในใจ ขอแนะนำให้เลือกจากผู้ผลิตหลายๆ รายมาเปรียบเทียบกันดู นอกจากนี้ หากไปเลือกซื้อตามร้านสินค้ามือสอง หรือซื้อ “เซ็ตสำหรับคนที่อยู่คนเดียว (ひとり暮らし家電セット)” ที่วางจำหน่ายตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาประหยัด ก็จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นไปอีก
ห้องเช่าบางแห่งจะมาพร้อมกับเครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้เช่าจะต้องเป็นคนจัดหาสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง แต่สิ่งของที่จำเป็นก็อาจจะแตกต่างกันไปขึ้นกับบริเวณที่อยู่อาศัยและการใช้งานส่วนบุคคล เช่น หากแถวบ้านมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเอาไว้ หรือสำหรับบางคน เพียงแค่ใช้ไมโครเวฟตามร้านสะดวกซื้อก็อาจจะเพียงพอแล้ว ดังนั้นจึงควรไตร่ตรองให้ดีว่าอะไรจำเป็นสำหรับตัวเองบ้าง จะได้ลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด
● เครื่องนอน
ราคาที่นอนจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 เยน ชุดฟูกนอนแบบญี่ปุ่น (布団) จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 เยน หากใช้เตียงจะไม่ต้องเสียเวลาปูแต่ก็กินพื้นที่ แต่หากเป็นชุดฟูกนอนก็สามารถพับเก็บได้และไม่กินพื้นที่ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับห้องที่มีขนาดไม่ค่อยกว้างมากนัก ในพักหลังนี้มีคนจำนวนไม่น้อยหันมาใช้เบาะรองสำหรับนอน (マットレス) แทนเตียง เนื่องจากมีราคาถูกกว่าเตียง ในขณะเดียวกันก็นุ่มสบายกว่าชุดฟูกนอนแบบญี่ปุ่น ทั้งยังสะดวกต่อการซื้อใหม่และการขนย้าย
● ผ้าม่าน
ห้องเช่าในญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วทางผู้เช่าจะต้องเป็นคนหาซื้อผ้าม่านเอง ราคาปกติของผ้าม่านจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 เยน และจะแตกต่างกันไปมากโดยขึ้นอยู่กับเนื้อผ้า ดีไซน์ และขนาด เมื่อตกลงเรื่องที่เช่าได้แล้ว ขอแนะนำให้วัดขนาดและนับจำนวนของหน้าต่างให้ครบถ้วน แล้วไปหาซื้อผ้าม่านที่ตรงกับขนาดของหน้าต่างเหล่านั้น
● อุปกรณ์ให้แสงสว่าง (ส่วนใหญ่แล้วจะมีมาให้)
มีงบแค่ประมาณ 4,000 เยน ก็สามารถหาซื้อไฟเพดานแบบ LED ได้แล้ว เนื่องจากไฟเพดานให้ความสว่างได้ทั่วห้อง จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการทำให้ห้องดูกว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม พักหลังนี้สถานที่ให้เช่าส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับอุปกรณ์ไฟอยู่แล้ว จึงควรตรวจสอบดูให้ดีก่อนว่าแต่ละห้องมีไฟติดอยู่แล้วกี่ดวง
● โต๊ะ
หากเป็นโต๊ะขนาดเล็กสำหรับนั่งรับประทานอาหารคนเดียว ก็สามารถหาซื้อได้ในราคาประมาณ 2,000 – 3,000 เยน ในกรณีที่หาซื้อไม่ทันตอนย้ายเข้า คุณก็สามารถใช้ลังกระดาษแทนไปก่อน รอจัดของในห้องให้เข้าที่เข้าทางและเริ่มชินกับวิถีชีวิตใหม่แล้วค่อยออกไปหาซื้อโต๊ะที่ตรงกับการใช้งานของคุณจริงๆ แบบนี้ก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลย
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : อินเทอร์เน็ต อีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้!
อินเทอร์เน็ตมีทั้งแบบมีสายและไร้สาย แบบมีสายจำเป็นต้องทำการติดตั้ง โดยจะเสียค่าติดตั้งประมาณ 15,000 – 40,000 เยน และในบางครั้งก็อาจมีโปรโมชั่นหรือรูปแบบการชำระเงินที่มีบริการติดตั้งฟรีให้ด้วย แต่ต้องระวังว่าในเดือนมีนาคมและเมษายนที่มีผู้ใช้บริการการติดตั้งเยอะ จึงอาจต้องรอการติดตั้งนาน 1-2 เดือน และในบางครั้งยังไม่สามารถเลือกวันที่ต้องการได้ด้วย
ห้องเช่าบางแห่งอาจมาพร้อมกับสายอินเทอร์เน็ตที่ติดตั้งเสร็จแล้ว แค่เพียงดำเนินเรื่องเล็กน้อยก็สามารถใช้งานได้ทันที จึงควรตรวจสอบกับผู้ให้เช่าหรือบริษัทนายหน้าไว้ให้ดี ในส่วนของค่าใช้บริการนั้นแม้จะแตกต่างกันไปตามปริมาณปริมาณเน็ตที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 4,000 – 5,000 เยน
ในกรณีของอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายก็ไม่จำเป็นต้องทำการติดตั้ง โดยมีให้เลือกทั้งแบบวางอยู่ในห้องและแบบที่สามารถพกพาออกไปข้างนอกได้ โดยจะมีค่าใช้บริการอยู่ที่ประมาณเดือนละ 4,000 – 5,000 เยน แม้ว่าจะไม่ต้องทำการติดตั้งและสามารถใช้ได้เลยหลังจากทำสัญญา แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแรกเริ่มเป็นค่าอุปกรณ์ประมาณ 15,000 เยน หากเป็นแบบเราเตอร์ Wi-Fi ที่พกพาได้ (Pocket Wi-Fi) ก็ยังสามารถใช้เป็น Wi-Fi พกพาทั้งที่บ้านและจุดหมายการเดินทางอื่นๆ ได้อีกด้วย หากใช้อย่างฉลาดแล้วก็จะช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์ได้มากเลยทีเดียว
ในส่วนของบริการอินเทอร์เน็ตนี้ ผู้ให้บริการหลายรายได้ออกแผนช่วยประหยัดไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น การลดราคาเมื่อซื้อร่วมกับโทรศัพท์มือถือ และโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายมาจากค่ายอื่น นอกจากนี้ รูปแบบการชำระเงินที่ดีที่สุดก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งานของแต่ละคนด้วย ทางที่ดีที่สุด คือ ควรหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะถามจากคนรู้จักที่ใช้บริการอยู่แล้ว หรือขอคำแนะนำจากเคาน์เตอร์ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
วิธีที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ประหยัดเงินได้สุดๆ!
ในส่วนของค่าใช้จ่ายแรกเริ่มในการย้ายเข้ามาอยู่ญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ขอคำปรึกษาจากบริษัทนายหน้าที่อยู่อาศัย การเช่าที่อยู่อาศัยต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงควรบอกงบประมาณที่เราต้องการให้ชัดเจน เพื่อที่ทางบริษัทจะสามารถหาสถานที่ที่เหมาะกับงบของเราได้มากที่สุด
อีกเรื่องหนึ่งที่ควรจำให้ขึ้นใจ คือ ควรพูดคุยต่อรองเกี่ยวกับเงินประกัน เงินค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้เสร็จสรรพก่อนที่จะทำสัญญา เพราะหลังจากที่ทำสัญญาไปแล้วจะไม่สามารถต่อรองสิ่งเหล่านี้ได้อีกเลย ข้อมูลจากคนรู้จักที่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากคนเหล่านี้มักจะรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับการทำสัญญาและบริการต่างๆ สำหรับชาวต่างชาติ
การทำสิ่งที่เราทำได้ด้วยตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดได้เช่นกัน ตั้งแต่การทำความสะอาดก่อนย้ายเข้า ติดตั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องปรับอากาศ ไปจนถึงเช่ารถมาเพื่อขับย้ายของด้วยตัวเอง หากสามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว เราก็จะสามารถใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นได้อย่างชาญฉลาดแน่นอน
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายแรกเริ่มในการย้ายมาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่เราได้สรุปมาให้คุณ แต่ค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาเช่าและทำการขนย้ายนั้นไม่มีลักษณะที่ตายตัว หากคุณเลือกและต่อรองกันดีๆ ได้ ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้แน่นอน มาทำความเข้าใจวิธีคิดและหัวข้อพื้นฐานต่างๆ ทำการต่อรองล่วงหน้า และไปสัมผัสกับชีวิตใหม่ที่คุณวาดฝันไว้กันเถอะ!
* ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบทความนี้เป็นเพียงราคาโดยประมาณเท่านั้น ราคาจริงอาจเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของสถานที่ให้เช่า ปริมาณสัมภาระของแต่ละคน และการเปลี่ยนผันของสภาพตลาด
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่