แอปเปิ้ลญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งผลไม้เมืองหนาวที่ทั้งหวาน หอม อร่อย หากคุณมาอยู่ที่นี่ก็จะเห็นว่ามีแอปเปิ้ลให้ทานกันมากมาย ทั้งหาซื้อได้ง่ายและทานได้ตลอดทั้งปี แอปเปิ้ลญี่ปุ่นมีให้เลือกหลายสายพันธุ์ ดังนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลือกแอปเปิ้ลญี่ปุ่นและวิธีเก็บรักษาให้ทุกคนได้รู้กัน สายพันธุ์ไหนอร่อยน่าซื้อ ตามไปดูกันเลยค่ะ
รู้จักกับแอปเปิ้ลญี่ปุ่น
หากพูดถึงแอปเปิ้ล คนญี่ปุ่นก็มักจะนึกถึงจังหวัดอาโอโมริกันเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่ปลูกแอปเปิ้ลส่งออกตามท้องตลาดมากที่สุด แอปเปิ้ลที่เราเห็นบ่อยๆ ในญี่ปุ่นสามารถแบ่งได้ตามสีของแอปเปิ้ล คือ แอปเปิ้ลแดง และ แอปเปิ้ลสีเขียว (เหลือง)
ที่จริงแล้ว ฤดูเก็บเกี่ยวของแอปเปิ้ลจะอยู่ในช่วงปลายฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงยาวไปจนถึงช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่แอปเปิ้ลจะหอมหวานอร่อยที่สุด แต่นอกจากช่วงนี้ ญี่ปุ่นก็ยังมีแอปเปิ้ลอร่อยๆ ให้เราได้ทานกันตลอดทั้งปี เนื่องจากที่นี่มีวิธีเก็บรักษาแอปเปิ้ลที่เรียกว่า Controlled Atmosphere ซึ่งสามารถทำให้แอปเปิ้ลคงความสดไว้ได้นานหลายเดือนทีเดียว
วิธีเลือกแอปเปิ้ลที่อร่อย
1. ผลที่มีน้ำหนัก : ควรเลือกแอปเปิ้ลผลที่มีน้ำหนักมาก ถึงแม้ผลจะเล็กแต่หากมีน้ำหนักก็ถือว่าใช้ได้เพราะนั่นแปลว่าแอปเปิ้ลผลนี้มีน้ำเยอะ ในทางกลับกัน หากเป็นแอปเปิ้ลผลใหญ่ที่มีน้ำหนักเบาก็สามารถเดาได้ว่าแอปเปิ้ลผลนั้นจะมีเนื้อที่ค่อนข้างแห้ง ทานไม่อร่อย (หากเป็นไปได้ให้เลือกแอปเปิ้ลผลกลางๆ ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไปจะดีที่สุด)
2. สีของแอปเปิ้ลแดง : แอปเปิ้ลที่มีสีแดงสวยคือแอปเปิ้ลได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีรสหวาน เนื่องจากแสงแดดจะช่วยเพิ่มความหวานให้เนื้อแอปเปิ้ลได้
สีของแอปเปิ้ลเขียว (เหลือง) : วิธีเลือกแอปเปิ้ลเขียวจะแตกต่างจากแอปเปิ้ลแดง เพราะแอปเปิ้ลเขียวที่ใกล้สุกเต็มที่จะมีสีออกเหลืองเข้มๆ และมีจุดสีน้ำตาลขึ้นตามผิว ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่อร่อย แต่หากใครอยากทานแอปเปิ้ลเขียวเนื้อแข็ง มีรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดก็สามารถเลือกแอปเปิ้ลผลสีเขียวๆ ได้เลยค่ะ
3. ผลที่ขึ้นเงาเป็นประกาย : แอปเปิ้ลผลที่มีผิวเงาสวยดูวิบวับนั้นสามารถเดาได้ว่าเป็นผลที่สุกเต็มที่แล้ว สารเคลือบเงานี้เป็นสารธรรมชาติที่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยค่ะ
4. ไม่เลือกผลที่มีก้นเขียว : แอปเปิ้ลที่มีก้นเป็นสีเขียวคือแอปเปิ้ลที่มีความเปรี้ยวสูงค่ะ หากเป็นผลที่ใกล้สุกแล้วจะมีก้นแอปเปิ้ลสีเหลืองหรือแดงซึ่งจะมีรสหวานอร่อยกว่า
5. ก้านใหญ่ : แอปเปิ้ลที่มีก้านใหญ่เป็นแอปเปิ้ลได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ทานแอปเปิ้ลอร่อยๆ แน่นอน
ประโยชน์ของแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น เพคติน ซึ่งเป็นใยอาหารละลายน้ำที่แปรสภาพเป็นเจลและส่งเสริมระบบการย่อยอาหารของเราได้ มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูกหรือท้องร่วงเพราะเนื้อเจลนี้จะทำหน้าที่ปรับสมดุลให้สามารถขับถ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังมีสารอาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด รวมถึงสารคาเทชิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสารกลุ่มโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง มะเร็ง และยังช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย
แอปเปิ้ล 100 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 61 กิโลแคลอรี, ใยอาหาร 1.9 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 16.2 กรัม, โพแทสเซียม 120 มิลลิกรัม, แคลเซียม 4 มิลลิกรัม, วิตามินบี 1 และ บี 6, วิตามินซี ฯลฯ อีกมากมาย
แนะนำ 10 สายพันธุ์แอปเปิ้ลญี่ปุ่น
และแล้วก็มาถึงช่วงแนะนำสายพันธุ์แอปเปิ้ลญี่ปุ่นกันค่ะ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จัก 10 สายพันธุ์แอปเปิ้ลแสนอร่อยที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นกัน หาพันธุ์ที่ถูกใจแล้วออกไปซื้อมาลองกันเลยค่ะ!
1. ฟูจิ (ふじ)
มาเริ่มกันที่สายพันธุ์อันดับ 1 ของประเทศ “แอปเปิ้ลฟูจิ” เป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แอปเปิ้ลพันธุ์นี้มีผลขนาดใหญ่ โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ลูกละ 300 กรัมขึ้นไป มีความหวานสูงและไม่ค่อยเปรี้ยว น้ำเยอะ เนื้อแน่นทานอร่อย เริ่มวางขายประมาณช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
2. เซไกอิจิ (世界一)
แอปเปิ้ลที่มีลักษณะเด่นอยู่ที่ผิวสีแดงและผลขนาดใหญ่ แอปเปิ้ลพันธุ์ “เซไกอิจิ” มีหลายขนาด ตั้งแต่ 400 กรัม จนถึงประมาณผลละ 1 กิโลกรัม เป็นแอปเปิ้ลพันธุ์ผสมระหว่าง “ดีลิเชียส” ซึ่งเป็นแอปเปิ้ลเปลือกแดงและ “โกลเด้นดีลิเชียส” ซึ่งเป็นแอปเปิ้ลเหลือง เซไกอิจิจะมีผิวสีแดงเข้มสวย เนื้อแอปเปิ้ลแน่นและกรอบ ฉ่ำน้ำ รสหวานอมเปรี้ยวลงตัว เริ่มวางขายช่วงต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
3. ทสึการุ (つがる)
แอปเปิ้ล “ทสึการุ” เป็นสายพันธุ์ที่มีจำนวนการเพาะปลูกมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากสายพันธุ์ “ฟูจิ” สายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดในจังหวัดอาโอโมริ มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 300 – 350 กรัมต่อผล เนื้อแอปเปิ้ลมีความแข็งพอสมควร รสหวานจัดไม่ค่อยเปรี้ยว มีกลิ่นหอมฟุ้งและฉ่ำน้ำ เริ่มวางขายประมาณปลายเดือนสิงหาคม
4. โจนาโกลด์ (ジョナゴールド)
สายพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ผสมระหว่างแอปเปิ้ล “โกลเด้นดีลิเชียส” และ แอปเปิ้ลแดง “โคอุเงียวกุ” แอปเปิ้ล “โจนาโกลด์” มีผลขนาดใหญ่ โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 400 กรัม เป็นแอปเปิ้ลเปลือกสีแดงอมชมพู รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อกรอบ นอกจากทานสดๆ ได้อย่างเอร็ดอร่อยแล้ว ยังเหมาะกับการนำไปทำอาหารและของหวานอีกด้วย แอปเปิ้ลโจนาโกลด์เริ่มวางขายตามท้องตลาดประมาณช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
5. มุทสึ (陸奥)
“มุทสึ” สายพันธุ์นี้มีเชื้อสายของ “โกลเด้นดีลิเชียส” และ “อินโดะ” ซึ่งเป็นสายพันธุ์แอปเปิ้ลแดง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม ฉ่ำน้ำ และมีกลิ่นหอม แอปเปิ้ลมุทสึมี 2 สี ขึ้นอยู่กับการปลูก หากเป็นการปลูกที่มีการห่อผลแอปเปิ้ลก็จะได้ออกมาเป็นแอปเปิ้ลแดง แต่หากไม่มีการห่อผลก็จะออกมาเป็นแอปเปิ้ลสีเขียวที่เรียกว่า “ซังมุทสึ” ค่ะ แอปเปิ้ลมุทสึแดงจะเริ่มวางขายตามท้องตลาดประมาณช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
6. โอริง (王林)
มาถึงแอปเปิ้ลเขียว (เหลือง) กันบ้าง แอปเปิ้ลสายพันธุ์ “โอริง” นี้มีขนาดผลอยู่ที่ราวๆ 300 กรัม มีรูปทรงที่ค่อนข้างยาว น้ำเยอะ ไม่เปรี้ยว มีความหวานสูง แอปเปิ้ลพันธุ์นี้จะมีความคล้ายสาลี่และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกลิ่นแอปเปิ้ลสายพันธุ์อื่น มักจะมีจุดน้ำตาลอยู่ที่เปลือกเป็นจุดสังเกต ฤดูเก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลโอริงจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
7. ชินาโนะโกลด์ (シナノゴールド)
“ชินาโนะโกลด์” เป็นแอปเปิ้ลสายพันธุ์สีเขียวเหลืองที่มีเชื้อสายของ “โกลเด้นดีลิเชียส” และ “เซนชู” ซึ่งเป็นแอปเปิ้ลเปลือกแดง มีต้นกำเนิดในจังหวัดนากาโน่ สีเปลือกจะออกเป็นสีเหลืองทอง เป็นพันธุ์ที่มีรสชาติเข้มข้นและมีความหวานสูง อาจมีความอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อกรอบฉ่ำน้ำ สามารถเก็บไว้ได้นาน จึงเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก ฤดูเก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลชินาโนะโกลด์จะอยู่ที่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
8. คิโอะ (きおう)
“คิโอะ” แอปเปิ้ลสีเขียวอมเหลืองที่มีเชื้อสายของ “โอริง” และ “เซนชู” มีต้นกำเนิดในจังหวัดอิวาเตะ เป็นสายพันธุ์ที่มีน้ำเยอะ กลิ่นหอมหวานแนวฟรุ๊ตตี้ รับประทานง่าย และยังมีอายุการเก็บรักษานานโดยหากเก็บในตู้เย็นจะสามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือนเลยทีเดียว สำหรับฤดูเก็บเกี่ยวของแอปเปิ้ลพันธุ์นี้จะอยู่ที่ช่วงต้นเดือนกันยายนเป็นต้นไป
9. โทกิ (トキ)
“โทกิ” เป็นแอปเปิ้ลสีเขียวเหลืองสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในปี 2004 ที่ผ่านมา เป็นแอปเปิ้ลที่มีเชื้อสายของ “โอริง” และ “ฟูจิ” เนื้อฉ่ำน้ำและมีกลิ่นหอมที่โดดเด่น มีลักษณะเด่นอยู่ที่เปลือกสีเหลืองปนแดง รสชาติออกหวานผสมเปรี้ยวอ่อนๆ มีเนื้อสัมผัสที่ดี เป็นหนึ่งสายพันธุ์ที่นิยมส่งออกต่างประเทศ ฤดูเก็บเกี่ยวของแอปเปิ้ลโทกิจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม
10. คินเซย (金星)
แอปเปิ้ลสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ ชื่อ “คินเซย” นี้มีที่มาจากสีเปลือกที่มีความเหลืองอร่ามดูสวยงาม ขนาดของผลจะอยู่ที่ประมาณผลละ 300 – 500 กรัม ซึ่งถือว่าใหญ่พอสมควร พันธุ์นี้มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อแอปเปิ้ลที่แข็งปานกลาง รสหวานจัด กลิ่นหอมและเปลือกบาง เริ่มวางขายตามท้องตลาดประมาณปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
วิธีเก็บรักษา
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษาค่อนข้างนานเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ยิ่งเก็บถูกวิธีก็ยิ่งจะทำให้เก็บได้นานยิ่งขึ้นไปอีก ที่ที่เหมาะสำหรับการเก็บแอปเปิ้ล คือ สถานที่ที่มีความเย็นค่ะ หากไม่สามารถเก็บในตู้เย็นได้ก็ควรหาที่ที่มีความมืดและเย็นในการเก็บรักษา และทางที่ดีก็ควรนำแอปเปิ้ลมาห่อหนังสือพิมพ์ เก็บใส่ถุงพลาสติกแยกเป็นลูกๆ แล้วปิดปากถุงให้สนิท ก่อนนำไปเก็บในตู้เย็นช่องแช่ผักด้วยค่ะ วิธีนี้สามารถทำได้กับแอปเปิ้ลที่เก็บไว้นอกตู้เย็นเช่นกัน คือ ควรแยกมาห่อเก็บเป็นลูกๆ ไว้จะดีกว่า
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความวิธีการเลือกและแนะนำ 10 สายพันธุ์แอปเปิ้ลญี่ปุ่น นอกจากที่เราได้นำมาเสนอกันในครั้งนี้ก็ยังมีแอปเปิ้ลญี่ปุ่นอร่อยๆ อีกมากมายหลายสายพันธุ์ ช่วงนี้ก็เป็นฤดูเก็บเกี่ยวอยู่พอดี ใครชอบพันธุ์ไหน สีอะไร ก็อย่าลืมไปซื้อมาทานกันด้วยนะคะ บอกเลยว่าแอปเปิ้ลญี่ปุ่น ไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนก็อร่อยแน่นอนค่า~
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่