วิธีเลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่น

การรับสัตว์เลี้ยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวก็ดูน่าสนใจไม่น้อย ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับทุกสิ่งที่คุณควรรู้สำหรับการเลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่น ตั้งแต่ขั้นตอนการรับเลี้ยง ค่าใช้จ่าย ข้อกำหนดทางกฎหมาย ไปจนถึงวิธีดูแลเพื่อนใหม่ขนปุยของคุณ
Oyraa

หากคุณอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น การรับสัตว์เลี้ยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวก็ดูน่าสนใจไม่น้อย ผู้เลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา สถิติล่าสุดแสดงให้เห็นว่าครอบครัวญี่ปุ่นในตอนนี้มีการเลี้ยงแมวหรือสุนัขราว 25% การรับสัตว์มาเลี้ยงเป็นวิธีที่ดีในการช่วยให้สภาพแวดล้อมใหม่ของคุณให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับทุกสิ่งที่คุณควรรู้สำหรับการเลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่น ตั้งแต่ขั้นตอนการรับเลี้ยง ค่าใช้จ่าย ข้อกำหนดทางกฎหมาย ไปจนถึงวิธีดูแลเพื่อนใหม่ขนปุยของคุณ

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการรับเลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่น

ขั้นตอนการรับสัตว์เข้ามาเลี้ยงนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่คุณควรคำนึงก่อนที่จะนำลูกหมาลูกแมวเข้ามาอยู่ภายในบ้านด้วยเช่นกัน

คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนรับสัตว์มาเลี้ยง

การคำนวณค่าใช้จ่ายก่อนรับสุนัขหรือแมวตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะสัตว์เลี้ยงถือเป็นรายจ่ายระยะยาว คุณควรคำนวณค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอย่างคร่าวๆ รวมถึงค่าอาหารสุนัขหรืออาหารแมว และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ เช่น กระบะทรายแมวและถุงเก็บอุจจาระสุนัข นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินอย่างค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าวัคซีนและค่าประกันสัตว์เลี้ยง (รายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง) ก็เป็นเรื่องที่ควรนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน

ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของสถานที่

Cat Napping in Cat Bed
Alena Ozerova / Shutterstock.com

หากคุณเช่าบ้านอยู่ ก็จะต้องตรวจสอบให้ดีว่าในสัญญาเช่านั้นอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้หรือไม่ อพาร์ตเมนต์หลายแห่งในญี่ปุ่นจะมีการระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจนว่าอนุญาตให้ผู้เช่าเลี้ยงสัตว์ได้หรือเปล่า โชคไม่ดีเท่าไรที่เจ้าของส่วนมากไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ จึงทำให้คนที่อยากรับสัตว์มาเลี้ยงมีตัวเลือกในการเช่าที่อยู่ไม่มากนัก อีกเรื่องหนึ่งที่ควรรู้ไว้ คือ ค่าเช่าสำหรับอพาร์ตเมนต์ที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์มักจะสูงกว่าอพาร์ตเมนต์ที่ไม่อนุญาตอยู่เล็กน้อยด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้าของบ้านที่เป็นคนรักสัตว์ก็มีให้เห็นอยู่เหมือนกัน และดูจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ดังนั้น หากคุณมีห้องเช่าอยู่แล้วและวางแผนจะเลี้ยงสัตว์ แนะนำให้ลองขออนุญาตจากเจ้าของหรือผู้จัดการตึกของคุณดูก่อนเริ่มขั้นตอนรับเลี้ยง ไม่แน่นะ คุณอาจจะได้รับอนุญาตให้นำเพื่อนสี่ขาเข้ามาเลยก็ได้

หาสัตว์เลี้ยงได้ที่ไหน?

Puppies in Basket
Hanajo-Hunter / Shutterstock.com

ญี่ปุ่นมีสถานที่ในการหาสัตว์เลี้ยงอยู่หลักๆ 2 แห่ง หากไม่เป็นร้านสัตว์เลี้ยง (Pet Shop) ก็เป็นสถานสงเคราะห์ (Adoption Shelter) ร้านสัตว์เลี้ยงสามารถพบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม การรับสัตว์จากสถานสงเคราะห์ก็ดูมีศีลธรรมกว่า และแทบจะการันตีได้ว่ามีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าด้วย

สุนัขและแมวจากสถานสงเคราะห์มักเป็นสัตว์ที่ถูกทิ้งหรือได้รับการช่วยเหลือมา สถานสงเคราะห์แต่ละแห่งจะทำการตรวจสุขภาพสัตว์ที่ช่วยเหลือมาทุกตัวเพื่อดูสุขภาพโดยรวมทั้งหมดและตรวจเช็กความพร้อมในการกลับไปอยู่บ้านอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการทำหมันให้กับสัตว์ที่ช่วยเหลือมาเป็นปกติของสถานสงเคราะห์ด้วย

ในโตเกียวมีสถานสงเคราะห์สัตว์อยู่หลายแห่งและสามารถพบเห็นได้ทั่วทั้งญี่ปุ่น เต็มไปด้วยสุนัขและแมวนับไม่ถ้วนที่กำลังรอคอยเจ้าของใหม่ น่าเสียดายที่สถานสงเคราะห์ส่วนใหญไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติรับสัตว์ไปเลี้ยง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย สถานสงเคราะห์บางแห่งถึงกับมีพนักงานและเว็บไซต์ที่รองรับภาษาอังกฤษ ช่วยให้ติดต่อรับเลี้ยงได้ง่ายขึ้นแม้ภาษาญี่ปุ่นของคุณจะไม่คล่องนัก

Dog Looking With Puppy Dog Eyes
InBetweentheBlinks / Shutterstock.com

หนึ่งในสถานสงเคราะห์สัตว์ที่โด่งดังในญี่ปุ่น คือ ARK แม้ว่าสำนักงานใหญ่จะอยู่ที่โอซาก้า แต่ ARK ก็มีแมวและสุนัขในบ้านพักชั่วคราวหลายแห่งในโตเกียวที่กำลังรอคอยเจ้าของใหม่อยู่ สถานสงเคราะห์อีกแห่งหนึ่งในโตเกียวที่รองรับภาษาอังกฤษ คือ NPO SALA Network ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือและหาบ้านใหม่ให้กับสุนัขและแมวที่ถูกทิ้ง นอกจากนี้ ยังมี WanWan อีกแห่งหนึ่งที่เป็นหน่วยงานช่วยเหลือ โดยมีจุดประสงค์ที่จะย้ายสุนัขโดนทิ้งในชนบทเข้ามาสู่เมืองใหญ่ๆ ในขณะที่ Japan Cat Network ก็มีบริการช่วยหาบ้านใหม่ให้กับแมวและสุนัขทั่วญี่ปุ่นด้วย

วิธีรับสัตว์เลี้ยงจากสถานสงเคราะห์

สถานสงเคราะห์สัตว์แต่ละแห่งมีกฎและขั้นตอนการรับเลี้ยงที่เป็นของตัวเอง แต่โดยทั่วไป รูปแบบก็ค่อนข้างจะเป็นมาตรฐาน ทางสถานสงเคราะห์จะถามรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดพื้นที่บ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่อยู่อาศัยและสไตล์การใช้ชีวิตของคุณเหมาะสมกับแมวหรือสุนัขที่คุณอยากรับเลี้ยงจริงๆ

ในส่วนหนึ่งของขั้นตอนการรับเลี้ยง คุณจะถูกถามเกี่ยวกับแผนการในการปรับวิถีชีวิตเพื่อให้เข้ากับสัตว์เลี้ยงใหม่ ตัวอย่างเช่น ทางสถานรับเลี้ยงจะอยากรู้ว่าสัตว์จะถูกปล่อยให้อยู่ตัวเดียวนานเท่าไรในวันทำงาน และคุณจะดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างไรในกรณีที่เดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด

Gray Cat Being Stroked
PHOTOCREO Michal Bednarek / Shutterstock.com

สถานสงเคราะห์จะถามเกี่ยวกับขนาดครอบครัวของคุณ รวมถึงจำนวนผู้อยู่อาศัยในบ้าน บางแห่งอาจถึงขั้นขออนุญาตไปตรวจสอบบ้านของคุณเพื่อการันตีว่าเหมาะกับสัตว์ที่คุณต้องการเลี้ยงจริงๆ หรือไม่ด้วย ขั้นตอนการรับเลี้ยงจะไม่เริ่มขึ้นจริงๆ หากทางสถานสงเคราะห์ยังไม่แน่ใจว่าคุณจะสามารถหาที่อยู่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นให้กับสัตว์ได้

ค่าใช้จ่ายในการรับเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์

ค่าใช้จ่ายในการรับเลี้ยงจะต่างกันไปตามสถานสงเคราะห์สัตว์แต่ละแห่ง ซึ่งจะต่างกันออกไปแต่โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 เยนต่อหนึ่งตัว

เงินจำนวนนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่น ค่าทำหมัน ค่าวัคซีนพื้นฐาน หรือแม้แต่ค่าฝังไมโครชิป ไม่ว่าคุณจะเลือกรับสัตว์จากที่ไหน ทุกแห่งจะแจกแจงรายละเอียดของค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้คุณทราบเสมอ

Dog Waiting for Walk
Jaromir Chalabala / Shutterstock.com

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสัตว์ในญี่ปุ่น

หลังจากที่ได้เจ้าสัตว์ขนปุยมาเป็นเพื่อนแล้ว ยังมีบางเรื่อง (และค่าใช้จ่าย) เพิ่มเติมที่คุณควรรู้ไว้

คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนสุนัขของคุณ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำหลังรับสุนัขมาเลี้ยง คือ เดินทางไปยังสำนักงานเขตในท้องที่เพื่อขอลงทะเบียน การลงทะเบียนสุนัขมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000 เยน และจำเป็นต้องทำภายใน 30 วันหลังได้รับสิทธิ์รับเลี้ยง

เมื่อสุนัขของคุณลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับแถบป้ายสำหรับยืนยันตัวสุนัข สำหรับนำไปติดที่ปลอกคอของสุนัข สิ่งหนึ่งที่ควรจำไว้ คือ หากคุณย้ายที่อยู่ คุณก็ต้องอัปเดตข้อมูลที่อยู่ใหม่ในการลงทะเบียนนี้ด้วย

แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายบังคับให้ลงทะเบียนแมว แต่เนื่องจากญี่ปุ่นมีแมวจรจัดอยู่เป็นจำนวนมาก จึงควรหาวิธีให้แมวของคุณจดจำง่ายและไม่ถูกเหมารวมว่าเป็นแมวจรจัด วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ใส่ปลอกคอพร้อมแถบระบุตัวตนให้กับแมวของคุณ

Dog Getting a Vaccine
StudioByTheSea / Shutterstock.com

สุนัขจำเป็นต้องได้รับวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าทุกปี

โรคพิษสุนัขบ้าได้หายไปจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว และเพื่อให้เป็นเช่นนั้นต่อไป จึงมีการสนับสนุนให้สุนัขต้องได้รับวัคซีนพิษสุนัขบ้าทุกปี โดยคุณจะต้องพาสุนัขของคุณไปฉีดในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของทุกปี

การฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าจะทำกันในหน่วยงานรัฐบาลระดับท้องถิ่น ปกติจะจัดขึ้นที่อาคารภาคเอกชนหรือสวนสาธารณะและมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3,650 เยน เมื่อฉีดเสร็จ สุนัขของคุณจะได้รับใบยืนยันการฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้า ซึ่งคุณก็ควรนำใบยืนยันนี้ใส่ไว้ในถุงเล็กๆ และนำถุงที่ว่าไปติดกับปลอกคออีกทีด้วย

การหาสัตวแพทย์

เนื่องจากความนิยมเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น ญี่ปุ่นจึงมีสัตวแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์อยู่เป็นจำนวนมาก เขตต่างๆ ในเมืองก็มักจะมีโรงพยาบาลสำหรับสัตว์อยู่อย่างน้อย 1 แห่ง ขอแนะนำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้ที่อยู่ใกล้บ้านของคุณไว้ เพื่อป้องกันในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น

หากคุณต้องการหาสัตวแพทย์ที่พูดภาษาอังกฤษใกล้บ้านคุณ ขอแนะนำให้เช็กบริเวณที่มีคนสัญจรมากเป็นอันดับแรก การกูเกิ้ลหาด้วยคำว่า “English veterinarian” ตามด้วยชื่อพื้นที่ที่ต้องการหาก็อาจจะได้ผลเช่นกัน ตัวอย่างของสัตวแพทย์ที่รองรับภาษาอังกฤษในโตเกียว ได้แก่ West Cross Veterinary Hospital, Akasaka Animal Hospital และ Toranomon Veterinary Clinic

Cat and Dog Napping Together
Anna Hoychuk / Shutterstock.com

พิจารณาเรื่องการทำประกันสัตว์เลี้ยง

ค่าใช้จ่ายเรื่องสุดท้ายที่ควรพิจารณาก็คือ ประกันสัตว์เลี้ยง นี่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตมาจากความนิยมเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทประกันหลายๆ แห่ง เช่น Axa ก็มีบริการประกันสัตว์เลี้ยงเช่นกัน

ประกันสัตว์เลี้ยงมีอยู่หลายแบบ ตั้งแต่แบบที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลทั่วไป จนถึงแบบครบสูตรที่รวมค่าผ่าตัดด้วย ซึ่งค่าประกันจะต่างกันไปตามอายุและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณ

สุขใจไปกับการเลี้ยงสัตว์ในญี่ปุ่น

ก่อนจะรับลูกสุนัขหรือลูกแมวมาเลี้ยง คุณควรแน่ใจว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เช่าแล้ว และควรทราบถึงค่าใช้จ่ายและข้อกำหนดทางกฎหมายต่างๆ ที่มาพร้อมกับเจ้าตัวน้อยเหล่านั้นด้วย เมื่อคุณมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็เหลือแค่หาแมวหรือสุนัขน่ารักๆ ที่กำลังรอคอยบ้านใหม่เท่านั้น และหากคุณอยากรู้ว่าสุนัขสายพันธุ์ใดได้รับความนิยมในญี่ปุ่น ก็สามารถอ่านต่อได้ที่บทความนี้ 10 สายพันธุ์สุนัขญี่ปุ่นสุดน่ารักที่จะทำให้คุณใจละลาย!

Title image credit: Chendongshan / Shutterstock.com

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

Oyraa
0 Shares: