Jinja หรือศาลเจ้าญี่ปุ่นเป็นศาสนสถานในลัทธิชินโต และเป็นศูนย์กลางในการดำเนินพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ พื้นที่ทั้งหมดภายในหลังซุ้มประตูโทริอิ (ซุ้มประตูแบบญี่ปุ่น) ถือว่าเป็น ‘อาณาเขตของศาลเจ้าที่ซึ่งเทพเจ้าทั้งหลายอาศัยอยู่อย่างสงบ’
“ต้นกำเนิดของศาลเจ้ามาจากการที่ผู้คนนำก้อนหินหรือหรือสรรพสิ่งตามธรรมชาติที่เชื่อว่าเทพเจ้าอาศัยอยู่นั้น มาเป็นตัวแทนแท่นบูชาชั่วคราวในงานวันเทศกาลต่างๆ เพื่อแสดงความเคารพและเพื่อเฉลิมฉลองแก่เทพเจ้านั้นๆ แท่นบูชาชั่วคราวเหล่านั้นได้ถูกใช้เป็นศาลเจ้าชั่วคราวตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาโดยตั้งในพื้นที่ เช่น ที่ดินที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มหรือกิ่งก้านสาขาของต้นซะคะกิ (ต้นไม้ที่ญี่ปุ่นถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์และมักใช้เป็นเครื่องประกอบพิธีกรรมทางศาสนา) โดยวางก้อนหินหรือสรรพสิ่งนั้นไว้บนโต๊ะแปดขา”
อันดับแรก โค้งทำความเคารพหนึ่งครั้งก่อนที่จะก้าวผ่านซุ้มประตูโทริอิ
ซุ้มประตูโทริอิไม่เพียงแต่เป็นเครื่องหมายแสดงถึงทางเข้าศาลเจ้าเท่านั้น แต่เสาสีแดงนั้นยังเป็นเสมือนเขตแบ่งกั้นที่บอกว่าโลกของมนุษย์ได้สิ้นสุดลงและโลกของเทพเจ้าจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่คุณได้เดินผ่านซุ้มประตูนั้นไป ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความเคารพในฐานะที่คุณกำลังจะก้าวเข้าสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงควรแสดงความเคารพด้วยการโค้งคำนับก่อนหนึ่งครั้ง และหลังจากที่ได้เดินผ่านซุ้มประตูโทริอิเข้ามาแล้ว ไม่ควรเดินตรงกลางของถนนเพราะที่ตรงกลางนั้นเชื่อว่าสงวนไว้เป็นทางเดินของเทพเจ้า
ต่อมาล้างมือและปากของคุณที่บ่อล้างที่เรียกว่า Chouzu หรือ Temizuya
ความจริงแล้วคุณจะต้องชำระล้างร่างกายทั้งหมดในแม่น้ำหรือแหล่งน้ำใดๆ ก่อนที่จะเข้าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่บริเวณ Temizuya ตามศาลเจ้าต่างๆ นั้น เป็นพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เฉพาะสำหรับการล้างมือและปาก โดยวิธีการล้างมีดังนี้
1) ใช้มือขวาหยิบกระบวยตักน้ำขึ้นมาและตักน้ำเพื่อล้างมือซ้ายเป็นอันดับแรก
2) เปลี่ยนกระบวยไปถือด้วยมือซ้ายและใช้กระบวยตักน้ำเพื่อล้างมือขวา
3) เปลี่ยนกระบวยไปถือด้วยมือขวา ตักน้ำ และเทน้ำลงบนฝ่ามือ
4) ใช้น้ำในฝ่ามือล้างปาก
5) ใช้มือซ้ายป้องปากขณะล้าง และบ้วนน้ำลงบนพื้นที่สำหรับบ้วนน้ำบริเวณใกล้จุดที่คุณยืนอยู่เท่านั้น
6) ทำเหมือนขั้นตอนแรกคือการล้างมือซ้าย
7) ล้างกระบวยตักน้ำด้วยการตั้งกระบวยขึ้นให้น้ำไหลลงมาตามด้ามจับ
สั่นกระดิ่ง
เพื่อเป็นการทำความเคารพแก่ไฮเด็น (Haiden) ซึ่งเป็นหอเคารพหรือที่สำหรับการภาวนา ให้ดึงเชือกเพื่อสั่นกระดิ่ง ซึ่งมีความหมายเป็นเชิงว่า “ขอโทษที่ต้องมารบกวน”
โค้งคำนับสองครั้ง ตบมือสองครั้ง และโค้งคำนับอีกหนึ่งครั้ง
การโค้งคำนับให้ก้มตัวทำมุม 90 องศา หลังจากตบมือสองครั้งแล้ว ในการตบครั้งที่สองให้คงมือทั้งสองข้างประกบกันไว้และสวดภาวนาในท่านั้น
การตบมือเป็นเครื่องหมายแสดงว่าคุณเข้าสู่ศาลเจ้าอย่างสุจริตใจไร้อาวุธ และเป็นการแสดงว่าคุณกำลังภาวนาเพื่อชีวิตที่สุขสงบ
เมื่อสวดภาวนาเสร็จแล้ว โค้งคำนับอีกครั้งหนึ่ง ถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวและเดินกลับไปในทางเดิมที่เดินมา
จำนวนครั้งในการโค้งคำนับและตบมืออาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละศาลเจ้า ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลของศาลเจ้าด้วย
หากคุณลองเสี่ยงโอมิกุจิ (เซียมซีทำนายดวงชะตาแบบญี่ปุ่น)…
ถ้าคุณลองเสี่ยงเซียมซีทำนายดวงชะตาแบบญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า โอะมิกุจิ (Omiguchi) แล้วได้ผลออกมาเป็นเรื่องดี คุณสามารถนำกระดาษคำทำนายนั้นกลับบ้านได้ โอะมิกุจินั้นเป็นดวงชะตาที่มาจากศาลเจ้านั้นๆ ส่วนใหญ่จะทำจากกระดาษ อย่างไรก็ดี ถ้าคุณหยิบได้คำทำนายดวงชะตาที่บอกว่า ไดเคียว (โชคไม่ดีมาก) เคียว (โชคไม่ดี) หรือคำนายไม่ดีอื่นๆ คุณควรผูกกระดาษนั้นไว้บนเชือกที่เตรียมไว้ให้ เป็นการคืนโชคไม่ดีกลับไป (แน่นอนว่าคุณสามารถนำมันกลับบ้านได้เช่นกัน หรือจะอ่านอีกรอบก่อนที่จะผูกมันไว้กับเชือกก็ได้) อย่าผูกคำทำนายไว้ที่กิ่งก้านของต้นไม้ เพราะเชื่อว่าเป็นที่ที่เทพเจ้าทั้งหลายอาศัยอยู่จึงไม่ควรทำร้ายพวกเขา
เดินกลับทางเดิมที่เดินมาและออกจากศาลเจ้าผ่านซุ้มประตูโทริอิ
พยายามอย่าเดินกลางเส้นทางและถ้าเป็นไปได้ให้เดินให้ชิดริมขอบทางมากที่สุดเช่นเดียวกับตอนที่คุณเดินเข้ามาในศาลเจ้า เมื่อคุณได้ก้าวพ้นโทริอิซุ้มสุดท้ายออกมาแล้วหมายความว่าคุณได้กลับสู่โลกของมนุษย์เป็นที่เรียบร้อย ให้หันเข้าหาศาลเจ้าอีกครั้งและโค้งคำนับเล็กน้อยอย่างสุภาพเพื่อแสดงความขอบคุณ
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่