ในภาษาญี่ปุ่น คำว่าโยไค (妖怪) เป็นคำที่ใช้เรียกสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ทั้งเหล่าสัตว์ประหลาด ยักษ์ หรือผีสาง ภูติผีโยไคเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ แม้แต่คติความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายๆ อย่างก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากทั้งความกลัวและความเคารพนับถือที่มีต่อในภูติผีเหล่านี้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับตำนานภูติผีโยไคชื่อดังที่ไม่ว่าถามคนญี่ปุ่นคนไหนก็จะต้องรู้จักกันทุกคน
■ โยไคคืออะไร
โยไคคือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่องราวของโยไคถูกเล่าต่อกันมากลายเป็นตำนานโบราณในญี่ปุ่นและมีความผูกพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะแห่งนี้ ในอดีตชาวญี่ปุ่นเชื่อและเล่าต่อๆ กันมาว่าในสิ่งของแต่ละสิ่ง หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติแต่ละอย่างมีสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอาศัยอยู่ ทำให้ในปัจจุบันในวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าหรือวัดญี่ปุ่นต่างถูกเชื่อว่าเป็นสถานที่อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่ของเหล่าโยไคเหล่านี้
■ ประวัติของโยไคแต่ละตัว
1. กัปปะ
กัปปะเป็นโยไคหนึ่งตัวที่คนญี่ปุ่นไม่ว่าจะมาจากภูมิภาคไหนก็ต้องรู้จักเป็นอย่างดี ร่างกายของกัปปะเป็นสีเขียวทั้งตัว มือและเท้ามีครีบ ส่วนบนของหัวมีจานวางอยู่ ซึ่งว่ากันว่าหากจานบนหัวกัปปะตัวไหนแห้งหรือแตก กัปปะตัวนั้นจะหมดเรี่ยวแรงหรือตายลง กัปปะมักอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ ทั้งแม่น้ำ บึง หรือทะเล โดยจะคอยซ่อนตัวและดึงขาคนที่มาว่ายน้ำให้จมน้ำตาย อาหารโปรดของกัปปะคือแตงกวา ทำให้เมนูมากิซูชิหน้าแตงกวาถูกตั้งชื่อตามเป็น “กัปปะมากิ” นั่นเอง
2. ยักษ์
ผิวหนังของยักษ์มีหลากหลายสีแตกต่างกันไปตามชนิด แต่หลักๆ แล้วมักเป็นสีแดงและสีน้ำเงิน โดยปกติที่หัวของยักษ์จะมีเขาหนึ่งหรือสองเขางอกออกมา ที่ปากจะมีเขี้ยวขนาดใหญ่ และที่นิ้วมือมักมีเล็บอันแหลมคม อาวุธของยักษ์มีหลากหลายชนิด แต่โดยมากมักเป็นกระบอง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่ายักษ์ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินบาปของเหล่ามวลมนุษย์อยู่ในนรก หน้ากากยักษ์ยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัฒนธรรมประเภทจับต้องไม่ได้สำคัญของญี่ปุ่นอย่างเทศกาล “นามะฮาเกะ” อีกด้วย
3. เทนกุ
เทนกุคือโยไคประเภทหนึ่ง มีหน้าสีแดงก่ำและจมูกยาวงุ้มและมักสวมเสื้อคล้ายกับนักบวชที่บำเพ็ญตบะอยู่บนเขา เทนกุเป็นที่หวาดกลัวจากการที่เป็นโยไคที่จะนำความหายนะมาให้ แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกนับถือเป็นเทพแห่งภูเขา ด้วยลักษณะที่มีความพิเศษเหล่านี้เองทำให้ชื่อเทนกุมักถูกนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อของสัตว์ต่างๆ และยังถูกนำมาเป็นคำใช้เรียกคนที่มีความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเองสูงอีกด้วย
4. ซะชิกิวาราชิ
ซะชิกิวาราชิคือตำนานโยไคที่ถูกเล่าสืบต่อกับมาในภูมิภาคโทโฮคุ รูปร่างภายนอกของซะชิกิวาราชินั้นจะดูคล้ายเด็กที่สวมกิโมโนอยู่ และมักจะอาศัยอยู่ตามบ้านเรือนของผู้คน ความพิเศษของโยไคตนนี้คือเชื่อกันว่าบ้านหลังใดที่ซะชิกิวาราชิเข้าไปอาศัยจะเจริญรุ่งเรือง ส่วนบ้านใดที่ซะชิกิวาราชิเดินผ่านไปจะตกอับ ในระยะหลังมีการนำเสนอเรื่องราวของบ้านที่มีซะชิกิวาราชิอาศัยอยู่ออกไปตามรายการทีวีและหนังสือพิมพ์ ทำให้เหล่าเซเลปและดาราดังตามมาพักกันเป็นจำนวนมาก บ้านพักเหล่านั้นจึงกลายเป็นบ้านพักยอดฮิตไปในที่สุด
5. โรคุโรคุบิ
โรคุโรคุบิเป็นโยไคที่มักปรากฏให้เห็นได้ตามวรรณกรรมญี่ปุ่นเก่าแก่ คนไทยอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีเพราะหน้าตามีความคลับคล้ายคลับคลากับผีกระสือของบ้านเรา อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าเจ้าโรคุโรคุบินี้มีทั้งตัวที่คอยาวยืดออกมาจากลำตัวและตัวที่คอแยกออกจากลำตัวและลอยอยู่โดดๆ ในอากาศ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เล่าว่าที่จริงแล้วเจ้าโรคุโรคุบินี้ไม่ใช่โยไคแต่อย่างใด แต่เป็นคนปกติที่ติดโรคประหลาดที่เคยแพร่ระบาดในญี่ปุ่นในยุคโบราณ และยังมีหลักฐานปรากฏอีกด้วยว่าในช่วงปี 1810 มีผู้ชายหลายคนที่มีอาการคอยาวกว่าปกติอยู่จริงๆ ตำนานของโรคุโรคุบินี้ไม่ได้มีเพียงแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ในตำนานเก่าแก่ของประเทศจีน ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศในแถบอเมริกาใต้อีกด้วย
6. อะซึกิอาไร
อะซึกิอาไรเป็นโยไคที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรใดๆ นอกจากนั่งล้างถั่วเขียวอยู่ริมแม่น้ำ แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ที่จริงแล้วอะซึกิอาไรเป็นโยไคอีกตัวหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ทำให้นอกจากชื่ออะซึกิอาไรแล้วยังมีชื่ออื่นๆ ที่แตกต่างไปตามพื้นที่และภูมิภาค ในบางพื้นที่อะซึกิอาไรถือเป็นตัวเกเรที่มักแกล้งและลักพาตัวผู้คนไปที่นู่นที่นี่ แต่ในบางพื้นที่ อะซึกิอะไรถือเป็นโยไคที่จะนำโชคลาภมาให้ หากคุณอยากลองเจอกับตัวเข้าสักครั้ง แนะนำว่าลองไปตามหาดูแถวริมแม่น้ำดูไหมล่ะ?
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่