สถานการณ์โควิด-19 ทำให้การคมนาคมระหว่างประเทศในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก รวมถึงการเดินทางจากญี่ปุ่นกลับประเทศไทยด้วย ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้จะเดินทางกลับไทยไม่ได้ แต่มันมีขั้นตอนมากมายที่จะต้องเตรียมตัวก่อนถึงจะได้เดินทาง รวมถึงดูความจำเป็นในการเดินทางด้วย ซึ่งก็ทำให้ใครหลายๆ คนไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้อย่างที่ใจต้องการ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางกลับประเทศไทยจริงๆ เราก็มีขั้นตอนการทำเรื่องกลับไทยที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ มาฝากกันแล้วในบทความนี้
ขั้นแรก เราจะต้องทราบข้อมูลเรื่องเที่ยวบินกลับไทยก่อนว่าในแต่ละเดือนมีเที่ยวบินวันที่เท่าไรบ้าง ข้อมูลตรงนี้สามารถติดตามได้ที่เพจ Facebook ของ ”สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – 在東京タイ王国大使館” (ตามภาพด้านบน) ในทุกๆ เดือน ทางสถานทูตจะประกาศข้อมูลเที่ยวบินกลับไทยที่จะมีขึ้นในเดือนถัดไป เช่น ประกาศกลางเดือนพฤศจิกายน จะเป็นเที่ยวบินของเดือนธันวาคม
**อัพเดท เนื่องจากทางสถานทูตได้เปลี่ยนวิธีในการลงทะเบียนจองเที่ยวบินกลับประเทศไทย จากเดิมสถานทูตจะทำการติดต่อเปลี่ยนเที่ยวบินให้ตรงกับวันที่ต้องการเดินทางกลับ แต่ในขณะนี้ผู้ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทยต้องทำการเปลี่ยนเที่ยวบินให้ตรงกับวันที่ทำการจองกลับประเทศไทยด้วยตนเอง และคำถามที่มักพบได้บ่อยๆ สำหรับผู้ที่ต้องการจองเที่ยวบินกลับประเทศไทย ได้แก่
Q ควรจะลงทะเบียนก่อนหรือซื้อบัตรโดยสารก่อนดี
A ขอแนะนำให้ซื้อบัตรโดยสารเพื่อยืนยันที่นั่งก่อนและค่อยลงทะเบียน
Q มีบัตรโดยสารแล้วแต่ไม่ตรงกับวันที่สถานทูตฯ กำหนด สถานทูตฯ สามารถเลื่อนวันเดินทางในบัตรโดยสารให้ได้หรือไม่
A การเลื่อนวันเดินทางในบัตรโดยสารขอให้ติดต่อโดยตรงกับสายการบินโดยตรง ดังนี้
ANA https://tourenquete.ana.co.jp/form/pub/tour_enquete/ana_bkk
JAL https://www.jal.co.jp/…/info/2020/inter/201116/index.html
TG ติดต่อหมายเลข 0570-064-015
Q บัตรโดยสารที่จะส่งลงทะเบียนต้องชำระเงินให้เรียบร้อยก่อนหรือไม่
A ต้องชำระค่าบัตรโดยสารให้เรียบร้อย และส่งบัตรโดยสารที่สามารถตรวจสอบหมายเลข E-ticket ได้มาลงทะเบียน
Q เมื่อลงทะเบียนรอบแรกแล้วต้องรอประมาณเท่าไหร่ถึงจะอัพโหลดบัตรโดยสารเพื่อยืนยันวันเดินทางได้
A ประมาณ 1-3 วันทำการหลังจากลงทะเบียนรอบแรกแล้ว
Q กรณีมีข้อสอบถามจะสอบถามโดยตรงได้ที่ไหน
A ขอให้ติดต่อทางอีเมล rtetokyo2020.3@gmail.com โดยขอให้ส่งสำเนาหนังสือเดินทางแนบประกอบเพื่อยืนยันตัวบุคคลด้วย
Q กรณีหนังสือเดินทางหมดอายุต้องทำอย่างไร
A ขอให้ติดต่อทางอีเมล rtetokyo2020.3@gmail.com โดยขอให้ส่งสำเนาหนังสือเดินทางพร้อมบัตรโดยสารเพื่อนัดวันทำเอกสารทดแทนหนังสือเดินทางต่อไป
Q ถ้าประสงค์เดินทางกลับไทยหลังเดือนธันวาคม จะหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวได้จากที่ไหน
A ขอให้รอประกาศจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ทางเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊ก โดยจะประกาศทุกช่วงกลางเดือนของทุกเดือนเกี่ยวกับมาตราการของเดือนถัดไป
Q ถ้ามีผู้ประสงค์เดินทางเป็นกลุ่มสามารถยื่นรวมกันได้หรือไม่
A ไม่ได้ ระบบใหม่นั้นรองรับการลงทะเบียนเป็นแบบรายบุคคลเท่านั้น
Q เที่ยวบิน JL031 ของ Japan airline ต้องใส่โค้ดลงทะเบียนอย่างไร ในตั๋วเขียนว่าเป็นเที่ยวบิน JL0031, JL31
A ขอให้กรอกลงทะเบียนด้วยเที่ยวบิน JL031
Q กรณีประสงค์ยกเลิกการเดินทางต้องติดต่อที่ไหน
A ขอให้ติดต่อทางอีเมล rtetokyo2020.3@gmail.com โดยขอให้ส่งสำเนาหนังสือเดินทางและเอกสาร COE มาเพื่อแจ้งยกเลิก
Q คนไทยจะต้องตรวจ RT-PCR เพื่อใช้ประกอบการเดินทางหรือไม่
A นอกจากผู้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ติดต่อเพื่อขอผลตรวจ RT-PCR เป็นกรณีพิเศษ ผู้เดินทางทั่วไปใช้เพียงใบรับรองแพทย์ Fit to fly ที่เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องใช้เป็นเอกสารประกอบการ Check-in ภายใน 72 ชั่วโมงตัวอย่างใบรับรอง fit to flyhttps://drive.google.com/…/1rJ-5yxUTsq…/view… สามารถนำใบนี้ปรึกษากับสถานพยาบาลเพื่อให้กรอกลงฟอร์มนี้ ประทับตราของสถานพยาบาลทั่วไปและใช้ประกอบการเดินทางได้ หรือใช้ตามแบบฟอร์มที่สถานพยาบาลกำหนดได้แต่ต้องเป็นภาษาอังกฤษ
Q สามารถเลือกกักตัวที่บ้านตนเองได้หรือไม่
A สถานที่กักตัวต้องเป็นสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นสถานที่ที่รัฐจัดหาให้ (ไม่สามารถเลือกได้) จะไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าประสงค์เลือกที่กักตัวขอให้ติดต่อจองโรงแรม (http://www.hsscovid.com/ ) พร้อมส่งใบจองเข้าไปในระบบด้วย
**ขอบคุณข้อมูลจากทาฃสถานทูต
เมื่อเห็นประกาศเปิดให้ลงทะเบียนกลับไทยแล้วก็อย่ารอช้า ให้คลิกเข้าไปลงทะเบียนต้องการกลับประเทศไทยโดยทันที เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการเดินทางกลับไทยเป็นจำนวนค่อนข้างมากและรอบบินที่เร็วที่สุดก็มักจะเต็มเร็วพอสมควร
ในการกรอกข้อมูล ให้เลือกวันที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยตามที่ต้องการ พร้อมกับกรอกข้อมูลส่วนตัว, หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต), บัตรประชาชน, ระบุเหตุผลที่ต้องการกลับไทยโดยด่วน ฯลฯ ให้ครบถ้วน แล้วกดส่งข้อมูลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในกรณีที่ได้จองตั๋วเที่ยวบินกลับไทยไว้แล้ว ให้ใส่เที่ยวบิน, วันที่เดินทาง และหมายเลข Ticket Number ด้วย (สามารถจองเที่ยวบินล่วงหน้าได้กับสายการบิน Japan Airlines หรือ ANA) แต่หากคุณยังไม่ได้จองเที่ยวบินก็สามารถทำการส่งข้อมูลส่วนตัวไปก่อนได้และทำการจองเที่ยวบินตามหลังให้เร็วที่สุด เนื่องจากคุณจะต้องแจ้งหมายเลขการจอง, เที่ยวบิน และวันเดินทางที่จองไปพร้อมกับอีเมลส่งเอกสารยืนยันเพื่อให้สถานทูตสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้
หลังจากที่ส่งข้อมูลลงทะเบียนขอกลับประเทศไทยด่วนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการเตรียมเอกสารเพื่อส่งอีเมลไปให้ทางสถานทูต ซึ่งเอกสารที่จะต้องเตรียมมี 4 อย่างดังนี้
1. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) : สแกนหรือถ่ายรูป หน้าแรกที่มีข้อมูลส่วนตัว
2. บัตรโดยสาร : ส่งใบยืนยันการจองเที่ยวบินที่ได้มาจากสายการบินทางอีเมล หรือจะดาวน์โหลดไฟล์การเดินทางจากเว็บไซต์ของสายการบินก็ได้เช่นกัน
3. ใบมอบตัว (ถ้ามี)
4. ใบยินยอมรับการกักตัว : เขียนชื่อและลงลายเซ็นกำกับ จากนั้นให้สแกนหรือถ่ายรูป
**ลิงก์ดาวน์โหลดใบยินยอมรับการกักตัว
หลังจากที่เตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วให้ส่งเอกสารทั้งหมดไปยัง E-mail : rtetokyo2020.3@gmail.com โดยเร็วที่สุด โดยเขียนหัวข้อว่า “วันที่ประสงค์เดินทาง DEC flight-ชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่)” เช่น “2 DEC flight-KONTHAI GOHOME”
หลังจากที่ส่งเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ รออีเมลตอบกลับจากทางสถานทูต ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน (ไม่นับวันหยุด) แต่หากส่งเอกสารเร็วก็อาจได้รับตอบกลับภายใน 1 วันก็เป็นได้
เมื่อได้รับอีเมลยืนยันจากสถานทูตแล้วว่าเราสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ตามวันและเวลาที่กำหนดแล้ว ในอีเมลจะมีไฟล์เอกสารรับรองการเดินทางกลับประเทศไทยที่สถานทูตแนบมาด้วย ให้ตรวจสอบข้อมูลในไฟล์ว่าถูกต้องหรือไม่ หากต้องการแก้ไขให้ติดต่อกลับสถานทูตโดยเร็วที่สุด เมื่อตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้วว่าถูกต้อง ก็ให้ทำการพิมพ์เอกสารออกมาเพื่อความสะดวกในการเช็คอินที่สนามบิน นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นๆ ที่ต้องใช้ยื่นตอนเช็คอินที่สนามบินอีก 5 อย่างดังนี้
1. เอกสารรับรองจากสถานทูต (ตามที่ได้กล่าวไปด้านบน)
2. ใบรับรองแพทย์ฉบับจริง (ภาษาอังกฤษ) เพื่อยืนยันว่าสุขภาพของเราดีพร้อมสำหรับการเดินทาง (ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีไข้) หรือที่เรียกกันว่า Fit to Fly Health Certificate คุณสามารถไปตรวจสุขภาพก่อนบินได้ที่คลีนิคท่องเที่ยว (トラベルクリニック) หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยในแบบฟอร์มห้ามเขียนด้วยลายมือทั้งหมด (ต้องเป็นแบบฟอร์มที่พิมพ์ออกมา หรือพิมพ์ออกมาแล้วกรอกข้อมูลเพิ่มเติม) และจะต้องมีตราประทับของสถานพยาบาลที่เราไปตรวจมาด้วย
**ต้องตรวจสุขภาพภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเท่านั้น**
3. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)
4. บัตรโดยสารเครื่องบินใบเดิม
5. เอกสาร ใบ ต. 8 (เอกสารด่านควบคุมโรค) สามารถดาวน์โหลดได้จากลิงก์ในอีเมลที่สถานทูตส่งมา
เมื่อถึงวันเดินทางกลับประเทศไทยแนะนำให้มาก่อนเวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงเพื่อความชัวร์ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการตรวจเอกสารค่อนข้างนาน
ในส่วนของด้านในสนามบินนั้นยังมีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่บ้าง (น้อยมากๆ) ทั้งร้านอาหาร และร้านของฝาก จึงอาจมีให้เลือกซื้อไม่มากนัก
เมื่อถึงเวลาบอกลาญี่ปุ่นบินกลับประเทศไทย เนื่องจากเป็นเที่ยวบินพิเศษผู้โดยสารทั้งหมดกว่า 99% จะเป็นคนไทย และที่นั่งบนเครื่องบินจะเต็มเกือบทุกที่นั่ง เราขอแนะนำให้ใส่แมสก์ปิดปากปิดจมูกเอาไว้ตลอดการเดินทาง (จะมีช่วงเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้นที่ถอดแมสก์)
เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการเดินทางไปยังสถานที่กักตัวในทันที (ไม่มีโอกาสได้ออกไปด้านนอก) โดยแต่ละขั้นตอนจะมีเจ้าหน้าที่คอยกำกับอยู่อย่างเคร่งครัด เริ่มจากตรวจเอกสารเข้าเมืองต่างๆ (หากใครจองโรงแรมกักตัวไว้กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่) จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนตรวจวัดอุณหภูมิและสอบถามปัญหาสุขภาพและส่งตัวไปยังสถานที่กักตัว
วิวจากสถานที่กักตัวถือว่าดีใช้ได้ ช่วยลดความเครียดลงไปได้บ้าง ในช่วง 14 วันนี้ก็ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง จะว่าไปมันก็ดีไปอีกแบบนะ
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่