เนื่องจากเราได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากบทความพาชมร้านอาหารไทยในช่วงโควิด19 ระบาด และ บทความภาคต่อ ครั้งนี้เราจึงกลับมาอีกครั้งกับรีวิวจัดเต็มพาทัวร์ร้านอาหารไทยรอบโตเกียวตอนที่ 3 ! ครั้งนี้ทีมงาน tsunagu Local ได้คัดเลือกร้านอาหารไทยเด็ดๆ มา 5 แห่ง และจะมาพาทุกคนไปรีวิวกันถึงที่เช่นเคย แอบบอกไว้ก่อนว่ามีเมนูหายากหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งข้าวซอย ลาบเป็ด หรือแม้แต่หมูแดดเดียว!?
1. Asian Tawan 168 [Shiodome 汐留]
มาเริ่มกันที่ร้าน Asian Tawan 168 ร้านนี้อยู่ในตึก Caretta Shiodome ชั้นใต้ดิน เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่เราชอบมากๆ เปิดทั้งช่วงกลางวันและช่วงเย็น แถมยังได้คะแนนใน Tabelog สูงมากๆ ด้วย! นอกจากนี้ ร้านนี้ยังได้รับการรับรองจากสถานทูตไทยด้วยว่า “อร่อยเด็ด!” จนได้ไปออกร้านตามงานอีเวนต์มากมาย
ร้านนี้มีอีกสาขาหนึ่งอยู่แถว Kagurasaka ค่ะ หากใครอยู่ใกล้ก็ลองแวะเวียนไปทานกันดูได้
เราเคยไปร้านนี้มาบ้างแล้วค่ะ ทุกๆ ครั้ง ในร้านจะคึกคักไปด้วยชาวออฟฟิศโดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ครั้งนี้ถึงคนจะดูบางตาลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี โดยเฉพาะคนที่มาซื้อเบนโตะหน้าร้าน จากที่เห็นเราว่าร้านนี้ก็น่าจะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด19 อยู่เหมือนกัน
คราวนี้เราแวะมาในช่วงอาหารกลางวันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าอาหารจะอร่อยเด็ดแค่ไหน และตอนนี้ทางร้านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ได้รับผลกระทบจากโควิด19 อย่างไร และรับมืออย่างไรบ้าง?
สำหรับภายในร้าน เรียกได้ว่ามีมาตรการรับมือที่ดีพอสมควรเลยค่ะ มีทั้งเจลแอลกอฮอล์หน้าร้าน พนักงานทุกคนใส่แมสก์ มีการทำความสะอาดโต๊ะอย่างดี แถมยังมีป้ายขอความร่วมมือให้ลูกค้านั่งเว้นที่และมีการเตรียมเคสใส่แมสก์ไว้ให้ลูกค้าด้วย ครบครันสุดๆ ไปเลย!
หลังจากที่ได้พูดคุยกับพี่พนักงานคนไทยใจดี ก็ได้ทราบว่าร้านนี้เองก็ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด19 อยู่พอสมควร ช่วงแรกๆ ลูกค้าลดลงไปมาก และจากที่เมื่อก่อนทางร้านจะมีบริการบุฟเฟต์ในช่วงอาหารกลางวันก็ต้องถูกยกเลิกไป และเปลี่ยนมาขายเบนโตะกับเซ็ตเมนูอาหารกลางวันแทน (แถมของหวานฟรีด้วยนะ!)
ต่อไปก็มาดูในส่วนของอาหารกันบ้าง บอกเลยว่าเมนูอาหารกลางวันของที่นี่คุ้มมากๆ เพราะราคาแค่ 880 เยนเท่านั้น! แถมยังมีเมนูให้เลือกมากมาย (มี 1 เมนูที่จะเปลี่ยนทุกวัน สามารถสอบถามทางร้านได้เลยค่ะ)
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้มีเมนูพิเศษเป็น ข้าวซอย และ สุกี้น้ำ เราเห็นแล้วก็รีบสั่งทันทีเพราะเป็นเมนูที่หาทานได้ค่อนข้างยากในญี่ปุ่น ชามใหญ่แถมยังมาพร้อมของหวานเป็นสาคูฟรุตสลัดด้วย กลิ่นกะทิหอมยั่วยวนมากค่ะ
เรื่องรสชาตินี่บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน! ข้าวซอยใส่ไก่ชิ้นนุ่มสุดๆ ซุปรสจัดจ้านแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ทานคู่กับเส้นบะหมี่ที่อร่อยกลมกล่อม ส่วนเมนูสุกี้ก็ให้เครื่องอาหารทะเลเยอะมาก อร่อยแบบซดหมดชามเลยล่ะค่ะ!
ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด19 แต่ทางร้านก็มีมาตรการรับมืออย่างเคร่งครัด ทั้งยังมีบริการเทคเอาท์และเดลิเวอรี่ด้วย พี่ๆ พนักงานคนไทยทุกคนก็ยังคงเฮฮาใจดีเหมือนเดิม อยากให้ทุกคนได้ไปลองทานอาหารไทยอร่อยๆ ที่ Asian Tawan กันดูนะคะ!
ชื่อ: | Asian Tawan 168 (アジアンタワン168) | |
เวลาทำการ: | วันจันทร์ – เสาร์ 11:00 – 14:00 น., 15:00 – 23:00 น. วันอาทิตย์ 11:00 – 22:00 น. | |
วันหยุด: | ไม่มีวันหยุดประจำ | |
ที่อยู่: | B2F Caretta Shiodome 1-8-2 Higashishinbashi, Minato-ku, Tokyo | |
วิธีเดินทาง: | ลงรถไฟสาย Oedo หรือสาย Yurikamome สถานี Shiodome เดินประมาณ 2 นาที หรือ ลงรถไฟสถานี Shinbashi เดินประมาณ 5 นาที | |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น): | http://asian-tawan.com/ |
2. สวนสวรรค์ [Akasaka 赤坂]
ร้านที่ 2 ก็ยังเป็นร้านที่อยู่ในตัวเมืองค่ะ ร้านนี้ชื่อ สวนสวรรค์ (Suansawan) เป็นร้านอาหารไทยเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมานาน นับเป็นตำนานความอร่อยของคนแถวนี้เลยทีเดียว การเดินทางก็สะดวกสบาย เพราะสามารถมาได้จากสถานี Akasaka, Akasaka-Mitsuke และ Nagatacho
ตัวร้านอยู่บนชั้น 2 แต่หาไม่ยากเลยค่ะ สังเกตได้ง่ายๆ จากป้ายไฟ ธงชาติไทย และเมนูอาหารไทยที่เยอะจนตาลาย! (และชวนให้น้ำลายไหลด้วย)
แล้วเราจะรอช้าอยู่ไย ขึ้นไปเลยดีกว่า!
แค่เข้ามาในร้านก็จะเห็นรูปอาหารไทยหลากหลายเมนูที่แปะไว้เรียกน้ำลายลูกค้า รู้ได้ทันทีว่ามีเมนูให้เลือกเยอะสุดๆ แถมยังน่ากินไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลยค่ะ นอกจากนี้ ยังมีภาพถ่ายและลายเซ็นของดารา-นักร้องชื่อดังทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่แวะเวียนมาแปะอยู่มากมาย รวมถึงรายการโทรทัศน์อีกหลายรายการที่เดินทางมาพิสูจน์ความอร่อยกัน (เจ้าของร้านบอกว่ามาแทบจะครบทุกช่องแล้วล่ะค่ะ ฮ่าๆ)
ยังไม่พอ! สามารถการันตีความเด็ดดวงได้จากคะแนนสูงลิ่วใน Tabelog อีกด้วยค่ะ แบบนี้ไม่ลองไม่ได้แล้ว!
ได้รับผลกระทบจากโควิด19 อย่างไร และรับมืออย่างไรบ้าง?
เราได้พูดคุยกับเจ้าของร้านนี้ซึ่งเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี เป็นอดีตเชฟจากร้านอาหารไทยชื่อดัง แถมยังดูแลธุรกิจอีกมากมายหลายกิจการด้วย (แน่นอนว่าใจดีสุดๆ เช่นกัน)
หลังจากมีการระบาดของโรคโควิด19 ร้านนี้ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย จนต้องมีมาตรการอย่างเข้มงวดต่างๆ เริ่มจากเจลแอลกอฮอล์ที่หน้าร้าน การรักษาความสะอาด ฉากกั้นระหว่างโต๊ะ และมีกฎที่เข้มงวดว่าพนักงานทุกคนต้องใส่แมสก์ระหว่างให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีบริการเสริมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคเอาท์, เดลิเวอรี่, ขายเบนโตะในช่วงกลางวัน แถมยังเข้าร่วมแคมเปญ Go To Eat อีกด้วย
จากที่ได้เกริ่นไปแล้วว่าที่นี่มีเมนูอาหารไทยเยอะมาก! ซึ่งพอได้มาเปิดเมนูแล้วก็จะพบว่าเยอะจริงๆ เยอะจนตาลาย (พี่เจ้าของร้านบอกว่าน่าจะมากที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว) แถมยังมีเมนูหายากมากมาย เช่น เมนูเป็ด, ห่อหมก, ออส่วน, ข้าวผัดสับปะรด และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงเครื่องดื่มหลายรสชาติให้ไปนั่งกินนั่งดื่มเพลินๆ กันได้ยาวๆ
สิ่งที่สะดุดตาเราที่สุด คือ เมนูเป็ดค่ะ เพราะแทบไม่เคยเห็นในญี่ปุ่นเลย แถมเจ้าของร้านยังเสริมว่าข้าวเหนียวของที่นี่เป็นของดีที่นึ่งเองอีกด้วย ดังนั้น เราจึงขอจัดลาบเป็ด และไส้อั่วมาลองให้หายคิดถึงอาหารอีสานกันสักหน่อย
นอกจากจะน่ากินแล้วก็ยังอร่อยสมคำร่ำลือด้วย แซ่บถึงใจ ยิ่งทานคู่กับข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ในช่วงอากาศเย็นๆ แบบนี้ก็ยิ่งฟิน~ แนะนำให้สั่งชานมมาดื่มด้วยค่ะ อร่อยครบสูตรเหมือนได้กลับไปทานที่ไทยเลยทีเดียว
ในช่วงเที่ยงที่นี่จะเสิร์ฟเมนูอาหารกลางวัน (แน่นอนว่าเทคเอาท์ได้ทุกเมนู) ซึ่งก็มีตัวเลือกหลากหลายเช่นกัน ใครจะมาอร่อยกับอาหารเซ็ตมื้อกลางวันก็ได้ หรือมาชมความหลากหลายของเมนูอาหารเย็นก็ดี แนะนำทั้ง 2 ช่วงเลยค่ะ!
อิ่มอร่อยกันไปแล้วก็นั่งคุยกับพี่เจ้าของร้านต่ออีกหน่อย นอกจากจะทำอาหารอร่อยแล้ว ยังทำงานอดิเรกน่าสนใจหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งที่เกี่ยวกับดนตรี, ภาษา, รถมอเตอร์ไซค์ แถมยังมีประสบการณ์ในญี่ปุ่นมากมาย คุยเพลินจนลืมเวลากันเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ เราก็ขอฝากร้าน สวนสวรรค์ ให้ทุกคนแวะไปลองเมนูอาหารไทยหายากกันนะคะ หากใครไม่สะดวกทานในร้าน จะโทรสั่งไว้แล้วแวะไปรับก็ได้เหมือนกัน ไปลองกันให้ได้เลยนะ
ชื่อ: | สวนสวรรค์ (スアンサワン) | |
เวลาทำการ: | 11:00 – 15:00 น., 17:00 – 22:00 น. | |
วันหยุด: | วันอาทิตย์ | |
ที่อยู่: | 2F Sophia Forme 3-15-14 Akasaka, Minato-ku, Tokyo | |
วิธีเดินทาง: | ลงรถไฟสถานี Akasaka เดินประมาณ 3 นาที ลงรถไฟสถานี Akasaka-Mitsuke เดินประมาณ 5 นาที ลงรถไฟสถานี Nagatacho เดินประมาณ 10 นาที | |
เว็บไซต์ (Facebook): | https://www.facebook.com/suansawantokyo | |
หมายเหตุ: | เข้าร่วมแคมเปญ Go To Eat |
3. พะเยา [Kamata 蒲田]
สำหรับร้านที่ 3 เราจะไปที่บริเวณตอนใต้ของโตเกียวกันบ้าง ร้านนี้มีชื่อว่า พะเยา (Phayao) มีที่มาจากเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนไทยมาจากจังหวัดพะเยานั่นเอง ร้านนี้อยู่ใกล้สถานี Kamata และที่ว่าการเขตโอตะ (大田区役所) เป็นตัวเลือกแนะนำสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในเขตนี้เลยค่ะ
ตัวร้านจะอยู่ในย่านร้านค้า (โชเทนไก) ด้วย ไปช็อปปิ้งก่อนแล้วค่อยแวะมาทานอาหารไทยอร่อยๆ ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย
ภายในร้านสะอาดตกแต่งสวยงามสมกับเป็นร้านอาหารไทย แถมยังมีการตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลต่างๆ ด้วย (ช่วงนี้เป็นธีมฮาโลวีน!) ทั้งเจ้าของร้านและเชฟต่างก็ใจดีเป็นกันเองสุดๆ สอบถามเมนูแนะนำต่างๆ ได้เลยค่ะ หรือจะพูดคุยเรื่องทั่วไปก็ได้เหมือนกัน
ได้รับผลกระทบจากโควิด19 อย่างไร และรับมืออย่างไรบ้าง?
เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าร้านนี้เปิดบริการมาได้ 2 ปีพอดี ในช่วงแรกขายดีพอสมควรเลยค่ะ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ไปออกรายการโทรทัศน์จนโด่งดังขึ้น แต่หลังจากมีการระบาดของโรคโควิด19 ทางร้านก็ได้รับผลกระทบหนัก ลูกค้าลดลงไปมากทีเดียว
ทางร้านจึงได้ออกมาตรการรับมืออย่างดี ทั้งรักษาความสะอาด การระบายอากาศก็ดี และยังมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและให้พนักงานใส่แมสก์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังมีบริการให้สั่งแบบเทคเอาท์ได้ด้วย จะโทรไปสอบถามทางร้านก่อนก็ได้ หรือจะจองผ่านแคมเปญ Go To Eat ก็ได้เช่นกัน
พูดถึงอาหารกันบ้าง ร้านนี้ก็มีเมนูให้เลือกเยอะมากเหมือนกัน! หลังจากที่ลังเลอยู่นานว่าจะสั่งอะไรดี สุดท้ายก็ไปสะดุดตากับเมนูปูนิ่มที่เป็นที่นิยมสุดๆ แถมตอนนี้ยังมีโปรโมชันฉลองครบรอบ 2 ปีของทางร้านด้วย (มีถึงสิ้นเดือนตุลาคม) เราเลยสั่งเมนู ปูทอดต้มยำกุ้ง มาลองค่ะ เมนูนี้ใช้ปูนิ่มที่ส่งตรงมาจากไทย นำไปทอดกรอบและปรุงรสต้มยำกุ้ง ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ
เมนูแนะนำอีกอย่างหนึ่ง คือ ส้มตำ ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมอันดับ 1 ของทางร้านค่ะ สามารถขอความเผ็ดระดับจัดจ้านแบบคนไทยได้อีกด้วย (เผ็ดจริงๆ ค่ะ รสชาตินี้ที่คิดถึง) อันที่จริงอยากลองเมนูหมูพะโล้ด้วยแต่อิ่มไปเสียก่อน ไว้ครั้งหน้าจะมาลองแน่นอนค่ะ!
ขอเสริมอีกนิดว่าร้านนี้เสิร์ฟเซ็ตเมนูอาหารกลางวันทุกวันพุธ – วันศุกร์ด้วยนะคะ ราคาเพียง 880 เยนเท่านั้น จะสั่งเทคเอาท์กลับบ้านก็ได้ หรือจะมานั่งทานแบบร้อนๆ อร่อยๆ ที่ร้านก็ดีไปหมด
ความเด็ดของร้านนี้ยังไม่หมด เพราะที่นี่ยังมีเมนูน่าสนใจสุดๆ อย่างนาเบะสุกี้ และหมูกระทะ!! จะสั่งเป็นจานแยกก็ได้ เป็นคอร์สก็ดี แอบกระซิบว่าถ้าโทรจองเมนูคอร์สล่วงหน้าก็จะได้ส่วนลดด้วยนะคะ! แถมยังสามารถเสริมเครื่องดื่มแบบโนมิโฮได ดื่มไม่อั้นในราคาแค่ 1,000 เยนต่อ 1 ชั่วโมงเท่านั้น! สายปาร์ตี้รออะไรกันอยู่คะ จองเลย!
ร้านอาหารไทยแสนอร่อย เจ้าของก็เฟรนด์ลี่ มีเมนูหลากหลายขนาดนี้ ยังไงก็ขอฝากร้านพะเยาใกล้สถานี Kamata ให้ทุกคนแวะมาลิ้มลองกันด้วยนะคะ แล้วเราก็ขอแสดงความยินดีกับทางร้านเนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีด้วยค่ะ!
ชื่อ: | Thai Food Phayao (タイ料理パヤオ) | |
เวลาทำการ: | 11:00 – 14:00 น., 17:00 – 22:00 น. | |
วันหยุด: | วันจันทร์ | |
ที่อยู่: | 7-5-6 Nishikamata, Ota-ku, Tokyo | |
วิธีเดินทาง: | ลงรถไฟ JR หรือ Tokyu สถานี Kamata เดินประมาณ 3 นาที ลงรถไฟ Keikyu สถานี Keikyukamata เดินประมาณ 15 นาที | |
เว็บไซต์ (Facebook): | https://www.facebook.com/thaifood.phayao/ | |
หมายเหตุ: | เข้าร่วมแคมเปญ Go To Eat |
4. สยามศิลาดล [Tokyo 東京]
มาถึงร้านที่ 4 แล้วนะคะ นี่เป็นร้านดังที่มีหลายสาขาอยู่ทั่วโตเกียว ชื่อว่า ร้าน สยามศิลาดล (Siam Celadon) สาขาที่เราแวะเวียนมารีวิวในวันนี้อยู่บริเวณสถานี Tokyo โดยอยู่ในตึก Tekko ชั้นใต้ดิน ลงมาปุ๊บก็เจอปั๊บเลยค่ะ
เจ้าของร้านแฟรนไชส์เครือนี้เป็นชาวญี่ปุ่นที่มีวิสัยทัศน์ว่าอยากทำให้ลูกค้ามีความสุขจากการรับประทานอาหารไทย และอยากเผยแพร่ความอร่อยของอาหารไทยไปทั่วโลกด้วยค่ะ น่าปลาบปลื้มสุดๆ
ร้านนี้ยังอยู่ในเครือเดียวกับร้านอาหารไทยสุดหรูชื่อดังบนตึก Shin-Marunouchi อย่าง Siam Heritage อีกด้วย การันตีคุณภาพได้เลยค่ะ
ร้านสาขานี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่บรรยากาศดีสุดๆ พนักงานทุกคนเป็นคนไทย เชฟเองก็บินตรงมาจากประเทศไทย โดยทางร้านจะเน้นเสิร์ฟอาหารไทยภาคเหนือ ซึ่งเจ้าของร้านได้รับแรงบันดาลใจในการคิดค้นเมนูต่างๆ และชื่อร้านมาจากตอนที่เขาไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่นั่นเองค่ะ
อีกจุดที่ต่างจากร้านอาหารไทยส่วนใหญ่ คือ จะเปิดทั้งวันในวันธรรมดาและวันหยุดนักขัตฤกษ์ค่ะ ร้านนี้ไม่มีการหยุดพักในช่วงบ่าย ใครที่หิวตอนบ่ายแก่ๆ หรืออยากเลี่ยงคนเยอะ ก็มาทานช่วงนี้กันได้ค่ะ
ได้รับผลกระทบจากโควิด19 อย่างไร และรับมืออย่างไรบ้าง?
สาขาต่างๆ ของร้านนี้ส่วนมากอยู่ในตัวเมือง ทำให้ได้รับผลกระทบอยู่พอสมควรเนื่องจากจำนวนพนักงานออฟฟิศและนักท่องเที่ยวลดลง แต่ทางร้านก็ยังคงคุณภาพความอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังมีมาตรการรับมือที่รัดกุมด้วยเช่นกัน มีการให้บริการเจลแอลกอฮอล์, วัดอุณหภูมิ, รักษาความสะอาด, ใช้ฉากใสกั้นระหว่างโต๊ะ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีบริการขายเบนโตะ เทคเอาท์ เดลิเวอรี่ และโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมต่างๆ อย่างถ้าสั่งเมนูเทคเอาท์ในช่วงเย็น ก็จะได้ส่วนลดถึง 20% เลยทีเดียว แถมทุกสาขายังเข้าร่วมแคมเปญ Go To Eat อีกด้วยค่ะ!
มาในส่วนของรีวิวอาหารกันบ้าง เราแวะไปในช่วงบ่าย ทางร้านจึงยังเสิร์ฟเมนูชุดอาหารกลางวันอยู่ ซึ่งก็มีเซ็ตรวมอาหารไทยให้เลือกหลากหลายแบบเลยทีเดียว
และเมนูแนะนำอันดับหนึ่งของร้านก็คือ Chiang Mai Graprao หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า ข้าวไก่ทอดราดซอสกระเพรากรอบ เมนูเด็ดหายากจากร้านดังในเชียงใหม่ หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเมนูนี้ แต่เราขอแนะนำให้ไปลองกันดูค่ะ เป็นเมนูไก่หมักเครื่องเทศ ราดด้วยซอสรสกะเพราหอมสมุนไพร เผ็ดอ่อนๆ อร่อยลงตัวเหมือนต้นตำรับมาเองเลยทีเดียว
ในภาพด้านบนนี้เป็นเซ็ตที่เสิร์ฟข้าวไก่ทอดซอสกระเพรากรอบกับแกงมัสมั่น (รวมเมนูหายาก!) พร้อมสลัดผัก แกงมัสมั่นทั้งอร่อยและใส่เครื่องเยอะ เนื้อไก่นุ่มมากๆ อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ
นอกจากเซ็ตอาหารกลางวันแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูอาหารจานเดียวให้สั่งแยกด้วย เราจึงสั่งอาหารเหนืออย่างข้าวซอยมาลองกันสักหน่อย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะซุปร้านนี้จะข้นเป็นพิเศษ ได้รสถั่วแบบเน้นๆ และมาพร้อมกับเครื่องเคียงมากมายซึ่งช่วยเพิ่มความอร่อยให้มากขึ้นไปอีก แถมยังใช้เส้นแบนที่ซึมซับน้ำซุปเข้าไปได้เยอะ ทำให้ได้รสชาติของซุปมากขึ้นไปด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีบริการเบนโตะอาหารไทยแบบหรูหราจัดเต็มสุดๆ ซึ่งจะต้องสั่งจองล่วงหน้า (ดูรายละเอียดได้ที่นี่) เป็นร้านที่เหมาะกับคนที่อยากทานอาหารไทยดีๆ ระหว่างทำงานค่ะ
ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ต้องน้อยใจไป ถ้ามาเที่ยวโตเกียวก็สามารถใช้คูปองจากแคมเปญ Go To Travel รับส่วนลดที่นี่ได้ด้วย!
สำหรับคนที่ไม่สะดวกมาทานที่สาขาสถานีโตเกียว ก็สามารถไปลองความอร่อยแบบเชียงใหม่ที่สาขาอื่นๆ ได้เช่นกัน (มีอยู่ที่ Ochanomizu, Shinagawa, Shinjuku, Ikebukuro และ Tamachi) เป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาดเลยนะคะ!
ชื่อ: | Siam Celadon Tokyo (サイアム セラドン東京) | |
เวลาทำการ: | วันธรรมดาและวันหยุด 11:00 – 23:00 น. วันเสาร์ 11:00 – 15:00 น. | |
วันหยุด: | วันอาทิตย์ | |
ที่อยู่: | B1F Tekko Bld. 1-8-2 Marunouchi, Chiyoda-ku, Tokyo | |
วิธีเดินทาง: | ลงรถไฟ JR สถานี Tokyo เดินประมาณ 2 นาที ลงรถไฟใต้ดินสถานี Tokyo เดินประมาณ 6 นาที ลงรถไฟใต้ดินสาย Tozai สถานี Otemachi เดินประมาณ 2 นาที ลงรถไฟใต้ดินสถานี Nihonbashi เดินประมาณ 3 นาที | |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น): | http://www.blueceladon.com/Siam_Celadon_tokyo.html | |
เว็บไซต์ (Facebook): | https://www.facebook.com/BC.co.jp | |
หมายเหตุ: | เข้าร่วมแคมเปญ Go To Eat และ Go To Travel |
5. Soul Food Bangkok [Tameikesanno 溜池山王]
ปิดท้ายกันด้วยร้านอาหารไทยที่มีบรรยากาศแบบไทยจ๋ามากๆ กับร้านที่ชื่อว่า Soul Food Bangkok ร้านนี้อยู่ใกล้กับสถานี Tameikesanno และ Akasaka เป็นอีกร้านที่ได้รับคะแนนสูงลิ่วใน Tabelog และมีเมนูเบนโตะที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ
ตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น B1 สังเกตทางเข้าได้ง่ายๆ จากป้ายเมนูและป้ายชื่อร้าน ครั้งนี้เรามาในช่วงร้านเปิดตอนเย็น ว่าแล้วก็เข้าไปกันเลยดีกว่า
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งให้เหมือนอยู่ที่ไทยมากๆ แถมเจ้าของร้านยังใจดีสุดๆ ที่นี่มีเมนูอาหารไทยให้เลือกมากมายทั้งช่วงกลางวันและช่วงเย็น รวมถึงเมนูเครื่องดื่มหลากหลายทั้งเครื่องดื่มไทย, เบียร์, ค็อกเทลหลากชนิด และเครื่องดื่มญี่ปุ่นท้องถิ่นจากโอกินาว่าที่เข้ากับอาหารไทยได้ดีสุดๆ เลยล่ะค่ะ!
ได้รับผลกระทบจากโควิด19 อย่างไร และรับมืออย่างไรบ้าง?
ร้านนี้ก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด19 ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่พนักงานบริษัทมาทำงานที่ออฟฟิศกันน้อยลง ทางร้านถึงกับต้องเปลี่ยนเวลาเปิดไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ทางร้านเองก็ไม่นิ่งนอนใจ มีการออกมาตรการรับมือมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด, การจัดโต๊ะห่าง, การให้บริการซื้อแบบเทคเอาท์ (เบนโตะช่วงอาหารกลางวันของร้านนี้ขายดีสุดๆ) และเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน! ใครอยู่แถวนี้แล้วคิดถึงอาหารไทยอร่อยๆ ก็สามารถกดสั่งทางแอพพลิเคชันให้มาส่งถึงห้องได้เลยค่ะ!
เป็นอีกร้านที่เปิดเมนูมาก็เจออาหารไทยมากมายตั้งแต่อาหารทานเล่นไปจนถึงเมนูที่ไม่เห็นมานาน อาจจะสับสนจนเลือกไม่ถูกได้ ขอแนะนำให้ลองถามเชฟคนไทยของร้านนี้ดูค่ะ นอกจากจะแนะนำเมนูอร่อยๆ ให้แล้ว บางครั้งก็ยังสามารถสั่งอาหารที่ไม่ได้เขียนไว้ในเมนูได้ด้วย!
ครั้งนี้เราก็ได้ลิ้มลองยำเนื้อ ทอดมันกุ้ง และหมูแดดเดียว (ที่ไม่มีเขียนในเมนู) บอกได้เลยค่ะว่าอร่อยมาก รสชาติแบบไทยแท้ทุกเมนู โดยเฉพาะหมูแดดเดียวที่ติดใจจนอยากมาทานอีก ยิ่งถ้าสั่งเบียร์ไทยและเหล้าอะวาโมริของโอกินาว่ามาดื่มคู่กันก็ยิ่งเพิ่มความฟินขึ้นไปอีก!
หากมาในตอนกลางวันก็จะมีเซตเมนูอาหารกลางวันให้เลือกในราคาย่อมเยา เสิร์ฟพร้อมสลัดและซุปร้อนๆ หากครั้งหน้ามีโอกาส เราจะมารีวิวให้ทุกคนฟังนะคะ
ร้านนี้ยังมีสาขาอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นแถวสถานี Ikejiriohashi ในเขตเมกุโระ หรือสถานี Musashikoyama ในเขตชินากาว่า ไปลิ้มลองความอร่อยกันได้เลยค่ะ!
ชื่อ: | Soul Food Bangkok (ソウルフード バンコク 溜池山王店) | |
เวลาทำการ: | 11:00 – 23:00 น. | |
วันหยุด: | วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ | |
ที่อยู่: | B1F Chiyoda Bldg. 2-9-4 Akasaka, Minato, Tokyo | |
วิธีเดินทาง: | ลงรถไฟสถานี Tameikesanno เดินประมาณ 1 นาที ลงรถไฟสถานี Akasaka เดินประมาณ 5 นาที |
อยู่โตเกียวก็อร่อยกับอาหารไทยอย่างปลอดภัยได้~
จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับรีวิว 5 ร้านอาหารไทยรสเด็ดในโตเกียว มีใครถูกใจร้านไหนกันบ้างไหมเอ่ย?
จากการพูดคุยกับเจ้าของร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นหลายๆ ร้าน ก็เห็นได้ชัดว่าการระบาดของโรคโควิด19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการมากพอสมควร แต่ทุกร้านก็มีการใช้มาตรการรับมือกันอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้อยู่เสิร์ฟความสุขให้กับลูกค้าผ่านอาหารไทยแสนอร่อยกันต่อไป เราหวังว่าทุกคนจะชอบบทความนี้และตามไปลิ้มลองกันดูนะคะ จะจองผ่านแคมเปญ Go To Eat ก็ได้ สั่งเดลิเวอรี่มาส่งถึงบ้านก็ดี หรือจะแวะไปซื้อแบบเทคเอาท์ไปทานที่ออฟฟิศก็ไม่เลวเช่นกัน
ในครั้งหน้า ทีมงาน tsunagu Local จะเลือกร้านอร่อยร้านไหนมารีวิวอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ อาจจะมีร้านใกล้บ้านที่คุณยังไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ได้ เพราะฉะนั้น ห้ามพลาดเลยนะคะ!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่