วันนี้ผู้เขียนจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับมหาวิทยาลัยที่คนไทยไม่ค่อยพูดถึง แต่ที่จริงแล้วเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น และตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ (Hitotsubashi University) นั่นเอง! มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินั้นเป็นมหาลัยที่เปิดสอนเฉพาะวิชาด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities and Social Science) ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์และความสัมพันธ์ของมนุษย์ในด้านต่างๆ เช่น ด้านสังคม ด้านเศรษฐศาสตร์ หรือด้านการเมือง โดยเปิดสอนทั้งหมด 4 คณะ สำหรับคณะที่โดดเด่นที่สุดก็คือคณะเศรษฐศาสตร์และคณะบัญชีและบริหารธุรกิจนั่นเอง!
ถึงชื่อจะไม่ค่อยคุ้นหูคนไทย แต่บอกเลยว่าถ้าไปแนะนำตัวกับคนญี่ปุ่นว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิแล้วล่ะก็ คนญี่ปุ่นจะต้องร้องโอ้โหกันแทบทุกราย เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่สอบเข้าได้ยากเป็นลำดับต้นๆ และยังได้อันดับ 2 ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศญี่ปุ่นในด้านการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์และการบริหารธุรกิจอีกด้วย นอกจากนี้ยังถูกการันตีด้วยรางวัลในประเทศและรางวัลระดับนานาชาติมากมาย เมืองคุนิตาจิที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของเมืองที่คนอยากมาพักอาศัยกันมากที่สุด เพราะเป็นเมืองที่มีครบทั้งความสวยงาม ความปลอดภัยและความสงบนั่นเอง วิชาการก็ดี สภาพแวดล้อมก็เหมาะกับการเรียนแบบนี้ ไม่มาไม่ได้แล้วนะ! เอาล่ะ เรามาเริ่มทำความรู้จักกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้กันเลยดีกว่า
ประวัติมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานโดยเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2418 ชื่อของมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิมาจากคำว่า Kanda-Hitotsubashi ซึ่งเป็นชื่อพื้นที่ที่ Tokyo Commercial School (ชื่อเดิมของมหาวิทยาลัย) เคยตั้งอยู่
ในปี พ.ศ. 2463 มหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Tokyo University of Commerce และได้ย้ายที่ตั้งจากใจกลางเมืองมายังบริเวณตะวันตกของกรุงโตเกียวหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโตเมื่อปี พ.ศ. 2466 และได้เปลี่ยนชื่อเป็นชื่อปัจจุบันในปี พ.ศ. 2492
คติพจน์สร้างผู้นำ “Captain of Industry”
มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในด้านการศึกษาวิชาสังคมศาสตร์ สร้างผู้นำในด้านต่างๆ สู่สังคมญี่ปุ่นและสังคมโลกเป็นจำนวนมาก ภายใต้คติพจน์ “Captain of Industry” ที่มุ่งเน้นการสร้างผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม โดยใช้หลักเหตุและผล รวมทั้งมีหัวใจที่เปิดกว้าง จุดเด่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คือ มีการเปิดสอนเพียงไม่กี่คณะ ทำให้สามารถมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่
โดยในระดับปริญญาตรีเปิดสอนเพียงแค่ 4 คณะ คือ
1.คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (商学部)
2.คณะเศรษฐศาสตร์ (経済学部)
3.คณะนิติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (法学部)
4.คณะสังคมศาสตร์ (社会学部)
ส่วนในระดับปริญญาโทเปิดสอนใน 7 สาขา คือ
1.พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
2.บริหารธุรกิจนานาชาติ
3.เศรษฐศาสตร์
4.นิติศาสตร์
5.สังคมศาสตร์
6.ภาษาและสังคมวิทยา
7.นโยบายสาธารณะ
แตกต่างจากการเรียนแบบปกติด้วยการเรียนแบบ “เซมินาร์”
มหาวิทยาลัยฮิโตสิบาชินั้นถือว่าเป็นที่แรกในประเทศญี่ปุ่นที่นำระบบการเรียนแบบ “เซมินาร์ (Seminar)” มาใช้ โดยนักเรียนจะเลือกเข้าชั้นเรียนเซมินาร์จากหัวข้อการทำวิจัยที่สนใจ จำนวนนักเรียนในชั้นเรียนเซมินาร์นั้นมีจำนวนไม่มาก (สูงสุดประมาณ 10 คน) ทำให้อาจารย์สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง นักเรียนจะได้รับการชี้แนะจากอาจารย์แบบรายคน ซึ่งต่างจากระบบการศึกษาทั่วไปที่เป็นห้องเรียนขนาดใหญ่และมีนักเรียนจำนวนมาก
เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนมีความสนใจไม่เหมือนกัน การเรียนการสอนแบบเซมินาร์นี้จะทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาความสามารถในด้านที่ตัวเองต้องการได้นั่นเอง นอกจากนี้ ด้วยความที่นักเรียนมีจำนวนน้อยก็ทำให้ทุกคนสามารถสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว มีการไปกินข้าวและทำกิจกรรมร่วมกัน บางเซมิก็มีการไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศด้วยกันอีก ถึงจะเป็นนักเรียนต่างชาติก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเลย!
นักเรียนต่างชาติ
มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินั้นมุ่งเน้นในเรื่องความหลากหลาย มีนักเรียนต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ในปี ค.ศ. 2019 นั้นมีนักเรียนต่างชาติมากถึงประมาณ 15% ของนักเรียนทั้งหมดเลยทีเดียว โดยมีทั้งนักเรียนที่ศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และนักเรียนแลกเปลี่ยน นอกจากจะได้เพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่จะได้เพื่อนเป็นชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศที่มาเรียนพร้อมกันอีกด้วย
การเรียนการสอนมีคาบสอนภาษาญี่ปุ่นตามระดับขั้นต่างๆ และคาบเรียนที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษอยู่มากมาย ดังนั้นถึงจะยังไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นมากนักก็สามารถมาเรียนได้ นอกจากนี้ ทางมหาลัยยังมีระบบดูแลนักเรียนต่างชาติในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องหอพัก ที่อยู่อาศัย และเรื่องอื่นๆ รวมถึงมีห้องให้คำปรึกษาสำหรับนักเรียนชาวต่างชาติโดยเฉพาะด้วย
สำหรับใครที่ยังกลัวการหาเพื่อนต่างชาติอยู่ ที่นี่ก็มีเพื่อนๆ ชาวไทยไว้ให้อุ่นใจด้วยเช่นกัน มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินั้นถือว่ามีนักเรียนไทยอยู่มากประมาณหนึ่งเลย อย่างในปัจจุบันปี ค.ศ. 2020 ก็มีนักเรียนคนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทประมาณ 10 คน และมีนักเรียนไทยมาเรียนแลกเปลี่ยนอยู่เป็นประจำด้วย
ถึงแม้ว่าในแต่ละปีจะมีจำนวนไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่รวมแล้วก็จะมีนักเรียนไทยอยู่ประมาณ 20 คน มีการพบปะสังสรรค์กันตามโอกาส เป็นอีกหนึ่งคอมมูนิตี้ที่ใช้หาเพื่อนได้เป็นอย่างดี
กิจกรรมต่างๆ
ชมรม
มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินั้นจะมีกลุ่มนักเรียนที่รวมตัวกันทำกิจกรรมหลากหลายประเภท ทั้งเป็นกลุ่มชมรมและเซอร์เคิล สำหรับชมรมนั้นจะมีตารางการเข้าร่วมที่ค่อนข้างเข้มงวดกว่า เช่น ชมรมกีฬาจะมีตารางการฝึกซ้อมที่เข้มงวด ส่วนเซอร์เคิลนั้นจะค่อนข้างยืดหยุ่นกว่า สามารถเลือกวันเวลาที่อยากไปร่วมกิจกรรมได้ ที่นี่มีทั้งชมรมทั่วไปอย่างชมรมกีฬา, ดนตรี, โต้วาที ฯลฯ ไปจนถึงชมรมแปลกๆ อย่างชมรมวิจัยการท่องเที่ยว, ชมรมคนรักดิสนีย์ หรือแม้แต่ชมรมราเมงก็มีนะเออ
งานเทศกาล
มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิจะมีการจัดเทศกาลเป็นประจำทุกปีปีละ 2 ครั้ง คือ Kodairasai (小平祭) ในช่วงเดือนมิถุนายนและ Ikkyosai (一橋際) ในเดือนพฤศจิกายน ทั้งสองงานเปิดให้คนนอกเข้ามาจับจ่ายซื้อของที่เหล่านักเรียนตั้งใจทำขึ้นมาขายได้ด้วย
ความแตกต่างของ 2 เทศกาลนี้ คือ Kodairasai จะเป็นงานที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของเหล่านักเรียนปีหนึ่ง ร้านต่างๆ ที่มาเปิดบูธก็จะเป็นของนักเรียนเฟรชชี่ ป.ตรี ที่เพิ่งสอบเข้ามาสดๆ ร้อนๆ งานนี้ทำให้นักเรียนปีหนึ่งสามารถสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว หากใครมีโอกาสมาเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีก็จะได้ร่วมกิจกรรมนี้ด้วย
สำหรับ Ikkyosai นั้นจะเป็นการเปิดบูธของชมรมต่างๆ หรือกลุ่มนักเรียนที่มารวมตัวกัน เช่น สมาคมนักเรียนจากประเทศจีน งานนี้ถึงแม้จะไม่ใช่น้องเฟรชชี่ปีหนึ่งก็สามารถมาร่วมกันจัดได้ เพียงสมัครเข้าชมรมหรือหาเพื่อนมาร่วมกันเปิดบูธเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นงานที่เปิดกว้างมากๆ !
พิเศษ! กิจกรรมของนักเรียนปีหนึ่ง
ถ้าใครได้มีโอกาสมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ตั้งแต่ ป. ตรี ปีหนึ่ง ขอบอกเลยว่าจะมีกิจกรรมเยอะมากๆ นอกจากการจัดเทศกาล Kodairasai ที่กล่าวถึงไปข้างต้นแล้ว ยังมีการแข่งเรือ, กีฬาสี, ประกวดร้องเพลง และการไปเที่ยวสวนสนุกฟูจิคิวกับเพื่อนๆ ในชั้นปีด้วย โดยส่วนใหญ่จะทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในคลาสเดียวกัน ซึ่งเพื่อนๆ ในคลาสนี้ก็จะเรียนภาษาอังกฤษร่วมกันเป็นเวลาหนึ่งปีด้วย ทำให้หาเพื่อนได้ไม่ยากเลยล่ะ
ทิวทัศน์ที่สวยงามของแคมปัสและเมืองคุนิตาจิ
แคมปัสหลักของมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินั้น ตั้งอยู่ที่เมืองคุนิตาจิที่อยู่ฝั่งโตเกียวตะวันตก ตัวแคมปัสเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระจะออกดอกเบ่งบาน ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมกันในแคมปัสด้วย นอกจากต้นไม้แล้ว ในแคมปัสยังมีสระน้ำ อาคารเรียนที่สวยงาม และหอนาฬิกาประจำมหาวิทยาลัย เป็นศิลปะแบบตะวันตกที่ดูคลาสสิกสมกับที่สร้างขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อน
ความสวยงามของแคมปัสแห่งนี้ทำให้มีเด็กๆ เข้ามาวิ่งเล่น และมีผู้คนมานั่งวาดรูปกันอยู่เป็นประจำ สร้างบรรยากาศให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา ทำให้เวลามาเรียนก็ไม่รู้สึกเหมือนมามหาวิทยาลัยแต่เหมือนมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ รู้สึกผ่อนคลายมากจริงๆ ถ้าใครอยากจะรู้ว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง ลองดูในคลิปด้านล่างนี้ได้เลย!
นอกจากแคมปัสที่สวยงามแล้ว ถนนจากสถานีจนถึงมหาวิทยาลัยก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน ในฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกซากุระผลิบาน ในหน้าร้อนก็จะมีต้นไม้สีเขียวนานาพันธุ์ ในฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนในฤดูหนาวทางเดินก็จะถูกประดับประดาไปด้วยต้นคริสต์มาสที่มีแสงไฟระยิบระยับ ความสวยงามนี้เองที่ทำให้ถนนสายนี้ถูกเลือกให้เป็น “New 100 Scenic Spots of Tokyo” ลองนึกดูสิว่าถ้าได้เดินไปมหาวิทยาลัยในเส้นทางสวยๆ แบบนี้ทุกวันจะฟินขนาดไหน!
นอกจากจะสวยแล้ว แถวนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ อีกมากมายด้วย ถ้ามาเรียนที่นี่ กลับไทยไปคนที่บ้านอาจจะจำไม่ได้ก็ได้ เพราะน่าจะอ้วนขึ้นมากเลยล่ะค่ะ
หอพักนักศึกษากับกิจกรรมแบบเน้นๆ
อีกหนึ่งจุดเด่นของมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินั้นก็คือ หอพักนั่นเอง! หอพักมหาลัยมีอยู่หลายแห่ง แต่ผู้เขียนจะขอแนะนำหอ Kodaira ที่มีนักเรียนอยู่มากที่สุดให้ทุกคนได้รู้จักกัน! หอพักของที่นี่จะแตกต่างจากหอพักของมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพราะจะเน้นการทำกิจกรรมให้ทุกคนได้รู้จักกัน เรียกได้ว่าไม่มีเหงากันเลยทีเดียว
เริ่มจากระบบ RACA (ย่อมาจาก Resident Assistance และ Community Assistance) ในแต่ละชั้นจะมี RA และ CA ประจำอยู่อย่างน้อยชั้นละหนึ่งคน คอยให้ความช่วยเหลือผู้ที่เข้ามาพักอาศัยในด้านต่างๆ และคอยจัดกิจกรรมในชั้น ทำให้ในชั้นนั้นไม่เงียบเหงา และทำให้ทุกคนได้รู้จักกัน
นอกจากนี้ ยังมีอีเวนต์ต่างๆ เป็นประจำแทบทุกเดือนโดยแต่ละเดือนก็จะแตกต่างกันไป เช่น อีเวนต์ดูหนัง, เล่นเกมส์ตามหาของ, ทำอาหารประจำชาติ มีการจัดทัวร์ไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ ในราคาย่อมเยา และอื่นๆ อีกมากมาย อีเวนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ปาร์ตี้ประจำฤดูกาลซึ่งจัดปีละ 4 ครั้ง บอกเลยว่างานนี้กินฟรีและยังมีเกมส์แจกของรางวัลอีกด้วย ถ้าได้เข้ามาอยู่รับรองว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไปแน่นอน!
ค่าใช้จ่ายต่างๆ
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะเริ่มสงสัยว่าการจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชินี้จะมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เราจึงได้สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ มาให้ทุกคนได้ลองดูกัน
ค่าเทอม
- ระดับปริญญาตรี
ค่าแรกเข้า (เฉพาะปีแรก) 282,000 เยน
ค่าเทอม (ต่อปี) 642,960 เยน - ระดับปริญญาโท (ยกเว้นนักเรียนที่เรียนนิติศาสตร์)
ค่าแรกเข้า (เฉพาะปีแรก) 282,000 เยน
ค่าเทอม (ต่อปี) 535,800 เยน - ระดับปริญญาโท (สำหรับนักเรียนที่เรียนนิติศาสตร์)
ค่าแรกเข้า (เฉพาะปีแรก) 282,000 เยน
ค่าเทอม (ต่อปี) 804,000 เยน
เห็นได้ว่าราคาถูกกว่าไปเรียนทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกามากทีเดียว นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยยังมีทุนการศึกษามากมาย ทั้งทุนรัฐบาลญี่ปุ่น, ทุน Jasso หรือจะทำเรื่องขอลดหย่อนค่าเล่าเรียนจากมหาวิทยาลัยก็ได้
ค่าที่พัก
หอพักนักศึกษา (ห้องเดี่ยว) เดือนละ 28,900 – 66,000 เยน (แล้วแต่สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีในห้องและที่ตั้งของหอ) โดยจะต้องจับฉลากสิทธิ์ในการเข้าอยู่ทุกปี
หากเช่าห้องเองก็จะมีหลายราคา ขึ้นอยู่กับความใกล้-ไกลจากสถานี ขนาดของห้อง ฯลฯ แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียน ห้องเช่าที่ถูกที่สุดที่เคยหาได้ในเมืองคุนิตาจิจะมีราคาประมาณ 30,000 – 40,000 เยนซึ่งถูกกว่าที่พักใจกลางเมืองมากๆ ในขณะที่เพื่อนบางคนเช่าห้องหรูราคาเกินหนึ่งแสนเยนก็มี เรียกได้ว่าสามารถเลือกราคาได้ตามงบที่มีเลยค่ะ
ค่าอาหารโรงอาหาร
ส่วนใหญ่เมนูข้าวที่มีหน้าและก๋วยเตี๋ยวต่างๆ (ขนาดกลาง) จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 เยน ถ้าอยากดูเมนู และราคาละเอียดๆ ก็สามารถดูได้ในเว็บนี้เลยค่ะ https://gakushoku.coop/
ค่าจิปาถะอื่นๆ
- ค่าอาหาร (ทำกินเองวันละสองมื้อ) ประมาณเดือนละ 12,000 เยน
- ค่าน้ำค่าไฟค่าอินเตอร์เน็ต (หอ) ประมาณเดือนละ 10,000 เยน
- ค่าประกันสุขภาพ ปีละประมาณ 12,000 เยน (สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้)
* นี่เป็นรายจ่ายโดยประมาณของผู้เขียนเท่านั้น หากมาอยู่จริงก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายมากน้อยแตกต่างกันไปค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ ถึงแม้ว่าชื่อจะไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มีศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงเอาไว้มากมาย แถมยังมีกิจกรรมที่หลากหลายโดยเน้นในเรื่องของความเปิดกว้าง นอกจากเรื่องวิชาการและกิจกรรมแล้วก็ยังมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามเหมาะกับการเรียนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าใครที่สนใจจะเรียนเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์, การบริหาร, สังคมศาสตร์, นิติศาสตร์หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้วล่ะก็ มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ
ส่วนใครที่อยากหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยชื่อดังอื่นๆ ในญี่ปุ่นอีกก็สามารถตามไปอ่านบทความแนะนำTokyo Institute of Technology มหาลัยสายเทคฯ ขวัญใจนักเรียนต่างชาติ และ “มหาวิทยาลัยโทโฮคุ” มหาลัยอันดับ 1 ของญี่ปุ่น กันต่อได้เลย!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่