คนที่อเมริกาถามเราบ่อยมากว่า “การมีเพื่อนญี่ปุ่นยากจริงไหม?” การหาเพื่อนใหม่จะเป็นเรื่องที่ท้าทายเสมอไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก แต่ในกรณีของชาวต่างชาติในญี่ปุ่น บอกเลยว่าจะยิ่งท้าทายเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังสื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากเรามีความตั้งใจจริงและรู้จักใช้เทคโนโลยีอีกเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ ไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอยู่แล้ว หรือกำลังวางแผนจะย้ายมาที่นี่ในเร็ววัน ก็ลองมาอ่าน 5 เคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับชาวต่างชาติที่อยากผูกมิตรกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นในญี่ปุ่น บอกเลยว่ามีประสิทธิภาพสุดๆ
1. หาคู่สนทนาคุยภาษา (Language Exchange Partner)
หากคุณอยากเป็นเพื่อนกับชาวญี่ปุ่น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่หากคุณไม่ถนัดในการพบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้าหรืออยากหาเพื่อนให้ได้ก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น แอปพลิเคชันแลกเปลี่ยนภาษาเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับคุณค่ะ เช่นเดียวกับการหาเพื่อนทางจดหมายออนไลน์ แอปพลิเคชันเหล่านี้จะให้คุณค้นหาและแชทกับผู้ใช้งานอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นและต้องการฝึกภาษาอังกฤษ แอปพลิเคชันแบบนี้มีอยู่มากมาย แต่ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กันมากที่สุด คือ HelloTalk สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ ios และแอนดรอยด์
นอกจากการแชทแล้ว HelloTalk ยังมีเครื่องมืออีกมากมายให้คนที่สนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ใช้งาน คุณสามารถไฮไลต์คำศัพท์ในหน้าต่างแชทเพื่อดูคำนั้นในพจนานุกรม ฟังการออกเสียง หรือส่งข้อความให้คู่สนทนาของเราตรวจและแก้กลับมาให้ก็ได้ค่ะ เป็นช่องทางที่ดีมากสำหรับการเรียนรู้ประโยคภาษาญี่ปุ่นที่จำเป็นก่อนย้ายมาหรือใช้รื้อฟื้นทักษะการสนทนาภาษาญี่ปุ่นในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น แม้ว่าคุณแค่เริ่มวางแผนว่าจะย้ายมาญี่ปุ่น ก็สามารถใช้แอปพลิเคชันนี้ในการหาเพื่อนญี่ปุ่นจากทั่วทุกมุมโลกได้อีกด้วยค่ะ
หากใครอยากเพิ่มเลเวลความสนิทสนมก็สามารถโทรหรือวิดีโอคอลผ่าน HelloTalk ได้เช่นกันค่ะ ส่วนที่เยี่ยมที่สุดของแอปฯ นี้คือ ฟีเจอร์ทุกอย่างใช้งานได้ฟรีค่ะ เราเองก็ใช้แอปพลิเคชันนี้ในช่วงปีแรกที่อยู่ญี่ปุ่น แล้วก็ได้เพื่อนดีๆ มาหลายคน ทุกวันนี้ก็ยังออกไปเที่ยวด้วยกันอยู่เลย
2. ไปบาร์ยืน หรือร้านเหล้าท้องถิ่น
หากการเข้าหาด้วยเทคโนโลยีไม่ใช่ทาง ลองวิธีนี้ดูค่ะ! ใครที่ชอบใช้วิธีแบบคลาสสิกในการหาเพื่อน หนึ่งในสถานที่ที่เจอผู้คนได้ง่ายที่สุดในญี่ปุ่นก็คือ บาร์สไตล์ญี่ปุ่นโบราณค่ะ ชาวญี่ปุ่นชอบบาร์ที่เป็นบาร์ยืน (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Tachinomi) กับร้านอิซากายะ (ผับญี่ปุ่น) ขนาดเล็กที่มีแต่เคาน์เตอร์ กันมากๆ ด้วย บรรยากาศที่เรียบง่าย มีอาหารจานเล็กๆ และราคาเครื่องดื่มที่สมเหตุสมผล ทำให้บาร์ยืนเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่ต้องการผ่อนคลายตัวเองหลังจากวันอันแสนหนักหน่วง
การหาร้านเหล้าหน้าตาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่หาได้ยากคือคู่สนทนาที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องต่างหาก ถ้าเจอก็จะถือว่าเป็นสถานการณ์ที่พิเศษมากๆ เลยทีเดียว แต่นั่นแหละค่ะ เบียร์ วิสกี้และไฮบอลถือเป็นภาษาสากลไปแล้ว หากคุณเป็นคนชอบเข้าสังคม แล้วก็พอจะจำประโยคภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง คุณก็สามารถดื่มและหัวเราะไปกับคู่สนทนาชาวญี่ปุ่นได้ทันที (แม้ว่าพวกคุณจะไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ก็ตาม)
ตอนที่เราย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็หาเพื่อนกลุ่มแรกๆ ด้วยวิธีนี้แหละค่ะ แน่นอนว่าในช่วงแรก บทสนทนาก็จะพื้นฐานมากๆ แต่พอเวลาผ่านไปและเริ่มกล้า (ด้วยฤทธิ์เหล้า) เราก็พบว่าเราได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นที่มีประโยชน์มากกว่าที่เคยได้เรียนมาจากหนังสืออีกค่ะ
หากคุณอยู่ในโตเกียวและไม่รู้จะไปหาร้านแบบนี้แถวไหนดี เราขอแนะนำย่านที่มีผู้อยู่อาศัยอายุไม่มากและเปิดกว้างกับชาวต่างชาติอย่างเอบิซุ (Ebisu) หรือนากาเมกุโระ (Naka-Meguro)
3. เข้างานพบปะสังสรรค์ของ Meetup
การเดินเข้าไปหาคนที่เราไม่รู้จักแล้วแนะนำตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดสำหรับใครหลายๆ คน งานกิจกรรมที่จัดเป็นกลุ่มจึงเป็นวิธีที่ดีในการต่อสู้กับความเลิ่กลั่กเหล่านั้น ในหลายๆ เมืองทั่วโลก ผู้คนสามารถจัดกิจกรรมสาธารณะกันได้ผ่านเว็บไซต์ Meetup และในเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นอย่างเช่นโตเกียว โอซาก้าหรือเกียวโต ก็มีการรวมตัวแบบนี้กันแทบทุกคืนเลยค่ะ
ไม่ว่าคุณจะสนใจในคลาสฝึกทำซูชิ การอ่านกลอน หรือจะเป็นการพบปะทางธุรกิจและการสร้างคอนเนคชัน คุณก็สามารถหากิจกรรมที่เข้ากับคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ได้รู้ว่าทุกๆ คนในงานมีความสนใจเหมือนๆ กันกับคุณก็ยิ่งช่วยให้พูดคุยกันได้ง่ายขึ้นมากๆ ด้วย
หากคุณชอบกีฬาก็ไปเจอกับเหล่านักกีฬามือสมัครเล่นในแบดมินตันลีก หรือหากคุณสนใจศิลปะงานฝีมือก็ไม่ควรพลาดกลุ่มเย็บปักถักร้อยที่โด่งดังที่สุดของโตเกียว และหากคุณอยากได้เพื่อนใหม่ๆ ในระหว่างที่ฝึกภาษาญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ อีเวนต์แลกเปลี่ยนภาษาก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ คุณจะได้เจอกับชาวญี่ปุ่นที่สนใจอยากมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติแล้วก็อยากฝึกภาษาอังกฤษอย่างแน่นอน
หากใน Meetup ไม่มีสิ่งที่คุณอยากทำก็ลองเข้า Google แล้วหางานอดิเรกหรือกิจกรรมที่คุณสนใจในบริเวณที่อยู่ของคุณดู คุณน่าจะเจอเพจของกลุ่มที่คุณเข้าร่วมได้ค่ะ
4. หาเพื่อนใน Bumble BFF
นอกจากกิจกรรมที่กล่าวถึงไปแล้ว คุณอาจจะหาโอกาสเริ่มบทสนทนากับชาวญี่ปุ่นด้วยภาษาอังกฤษได้ยาก เพราะจากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าชาวญี่ปุ่นวัย 20-40 ปีกว่า 70% นั้นไม่พูดภาษาอังกฤษหรือว่าพูดได้น้อยมากๆ ดังนั้น การจะหาอีก 30% ที่เหลือก็อาจจะมีแนวโน้มให้คุณได้เจอกับความเงียบอันแสนอึดอัดก็เป็นได้ แต่โชคดีที่แอปพลิเคชัน Bumble (มีให้โหลดได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ ios และแอนดรอยด์) นั้นจะช่วยให้การหาคนที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ ไว้สำหรับพูดคุยเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากๆ
ใช่ค่ะ คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก Bumble เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาไว้สำหรับการหาคู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีฟังก์ชันที่น้อยคนนักจะรู้จัก เรียกว่า Bumble BFF ที่จะจับคู่คุณกับผู้ใช้คนอื่นที่ต้องการหาเพื่อนเหมือนกันเท่านั้น
สิ่งที่ดีมากของแอปพลิเคชันนี้ก็คือมันจะจับคู่คุณกับคนที่อยู่ในระยะทางที่คุณเลือกไว้ หากอยากทำความรู้จักกับคนแถวบ้าน ก็ตั้งระยะทางไว้ที่ 5 กิโลเมตรหรือใกล้กว่านั้นได้เลย หรือหากอยากทำความรู้จักกับคนที่อยู่ไกลๆ ก็สามารถตั้งให้ระยะห่างไกลกว่า 150 กิโลเมตรได้เลย ลองส่องโปรไฟล์ของอีกฝ่ายดู คุณจะได้พบกับสิ่งที่คุณและเขาสนใจเหมือนๆ กันซึ่งเอาไว้ใช้ทลายกำแพงในการสนทนาได้อย่างสบายๆ
แน่นอนว่าหากคุณยังไม่พร้อมจะเจอกันแบบตัวเป็นๆ ก็สามารถคุยออนไลน์กันอย่างเดียวไปก่อนได้ค่ะ แต่หากคุณเลือกที่จะไปเจอกัน เราก็ขอแนะนำให้นัดกันในที่ที่มีคนพลุกพล่านอย่างคาเฟ่หรือห้างสรรพสินค้าเพื่อความปลอดภัยนะคะ
5. ลงทะเบียนไปโฮมสเตย์
แน่นอนว่า วิธีที่จะซึบซัมวัฒนธรรมใหม่ๆ ได้ดีที่สุด คือการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมนั้นค่ะ คุณจะย่อสเกลของวัฒนธรรมลงมาอยู่ในอพาร์ตเมนท์คุณก็ได้ แต่หากอยากได้ภาพวิถีชีวิตญี่ปุ่นที่สมบูรณ์ ก็สามารถไปเข้าร่วมโปรแกรมโฮมสเตย์ได้เช่นกัน (แม้ว่าคุณจะเป็นชาวต่างชาติก็ตาม) คุณสามารถเลือกระยะเวลาได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ ตอนสุดสัปดาห์หรือระยะยาวหลายๆ เดือน คุณจะได้มีโอกาสไปอยู่กับครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่บ้านของเขาแล้วก็ได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นจริงๆ ผ่านมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
โฮมสเตย์เป็นมากกว่าที่ที่เอาไว้นอน แขกที่ไปพักสามารถร่วมกันทานอาหาร แบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ กันกับโฮสต์ มีหลายเว็บไซต์เลยที่เป็นช่องทางในการติดต่อระหว่างแขกและเจ้าบ้าน แต่เว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงดีที่สุดก็คือ Homestay In Japan ค่ะ
เว็บไซต์นี้จะเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้งานกับโฮสต์ของโฮมสเตย์ทั่วประเทศญี่ปุ่น ที่คุณสามารถไปพักได้ตั้งแต่แค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไปจนถึงต่อระยะเวลาในโปรแกรมเรียนภาษา และโปรแกรมทัวร์จากคนท้องถิ่น ที่สำคัญที่สุดคือการติดต่อกันหลังจากจบโปรแกรมค่ะ แขกส่วนใหญ่มักจะติดต่อโฮสต์อยู่เสมอจนกลายเป็นมิตรภาพอันแน่นแฟ้นได้เลย เราเองก็มีเพื่อนหลายคนที่ยังเดินทางไปหาครอบครัวโฮสต์ที่เคยไปพักด้วยเป็นประจำอยู่ทุกๆ ปีเลยค่ะ
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
ถึงการส่งข้อความจากโทรศัพท์มือถือจะเป็นเรื่องปกติที่ทำในสหรัฐอเมริกาหรือหลายๆ ประเทศ แต่บริการโทรศัพท์ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นไม่ได้ให้คุณส่งข้อความได้ฟรีๆ ค่ะ ดังนั้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมใช้แอปพลิเคชัน Line ไว้ส่งข้อความหาเพื่อนๆ กันค่ะ นอกจากจะฟรีแล้ว แอปพลิเคชันตัวนี้ยังมีฟังก์ชันการใช้งานเหมือน Whatsapp และยังสามารถใช้ได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ ios และแอนดรอยด์อีกด้วย คุณสามารถโทร ส่งข้อความและวิดีโอคอลผ่าน Wi-fi หรืออินเทอร์เน็ตมือถือตามโปรโมชันของคุณได้เลย หากคุณอยากจะติดต่อกับเพื่อนใหม่ชาวญี่ปุ่น ก็อย่าลืมโหลดแอปพลิเคชันนี้ไว้ในโทรศัพท์กันนะคะ!
สรุป
โลกเราในทุกวันนี้เปลี่ยนไปเร็วมาก ครั้งหนึ่งกำแพงภาษาเคยเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงที่ปิดกั้นไม่ให้เราได้ผูกมิตรกับผู้คนที่อยู่ทั่วโลก แต่ดูตอนนี้สิคะ ปัญหาเรื่องภาษาแทบจะหายไปแล้ว! ด้วยเทคโนโลยี, โปรแกรมโฮมสเตย์ (แล้วก็อาจจะด้วยแอลกอฮอล์นิดๆ หน่อยๆ) เท่านี้ก็ไม่มีอะไรหยุดคุณไม่ให้มีเพื่อนใหม่ในช่วงที่คุณอยู่ญี่ปุ่นได้แล้ว หากคุณกำลังหาใครบางคนที่จะมาเป็นมากกว่าเพื่อน ก็อย่าลืมไปดูบทความการออกเดตในญี่ปุ่นของเราด้วยนะคะ!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่
