การต่อวีซ่า เป็นเรื่องปกติสำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ในช่วงที่โรคโควิด19 ระบาดเช่นนี้ หลายๆ คนอาจจะกังวลไม่อยากออกจากบ้านหากไม่จำเป็น แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อายุวีซ่าหมดในช่วงนี้ และจำเป็นต้องออกไปทำเรื่องต่อวีซ่า เนื่องจากยังไม่สามารถต่อวีซ่าออนไลน์ได้ในขณะนี้ มาดูกันว่าขั้นตอนการต่อวีซ่าในช่วงโควิด19 จะเหมือนหรือแตกต่างกับช่วงปกติอย่างไรกันบ้าง
ในช่วงโรคโควิด19 ระบาดแบบนี้ คงไม่มีใครอยากออกไปที่ในที่ที่มีคนพลุกพล่านเป็นแน่แท้ แต่หากเป็นธุระที่จำเป็นต้องทำจริงๆ อย่าง “การต่อวีซ่า” ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะหากต่อไม่ทันตามกำหนดระยะเวลา ก็จะมีความผิดทางด้านอาญาเลยทีเดียว
ซึ่งทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็เข้าใจถึงสถานการณ์โควิด19 นี้ และได้ทำการยืดระยะเวลาต่ออายุวีซ่าออกไปสำหรับผู้ที่วีซ่าหมดอายุในช่วงเดือน มีนาคม – กรกฏาคม 2020 โดยสามารถมาต่อวีซ่าได้ภายใน 3 เดือนหลังจากวันหมดอายุ เพื่อลดจำนวนของผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการในแต่ละวัน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเอกสารด้านล่าง)
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าวีซ่าของเราหมดอายุวันไหน?
ง่ายนิดเดียวเพียงหยิบบัตรต่างด้าว (Resident card หรือ ไซริวการ์ด) ออกมาและดูที่ด้านล่างของบัตรว่าวันหมดอายุเป็นที่วันที่เท่าไร หากหมดอายุในช่วงเวลาที่กล่าวข้างต้น ก็ต้องเตรียมตัวออกไปต่อวีซ่ากันแล้วล่ะ
ตัวอย่างบัตรไซริวการ์ดด้านล่าง หมดอายุวันที่ 8 มิถุนายน 2020 ถือว่าหมดอายุไปแล้ว แต่ได้รับการอนุโลมให้ต่ออายุได้ภายใน 3 เดือนหลังวันหมดอายุ (หรือก็คือยื่นเรื่องได้ถึงวันที่ 8 กันยายน 2020) โดยในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้วีซ่าใหม่นั้นจะถือว่าเป็นการ “โอเวอร์สเตย์”
ว่าแล้วก็ออกไปต่ออายุวีซ่ากันเลยดีกว่า! ก่อนอื่นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยตอนออกจากบ้านก็คือ ผ้าปิดปากอนามัย, ทิชชู่เปียกสำหรับเช็ดมือ, เจลล้างมือ และ เอกสารทั้งหลายที่จำเป็นในการต่อวีซ่า
สามารถดาวน์โหลดเอกสารที่จำเป็นต้องกรอกตามชนิดวีซ่าของแต่ละคนได้ที่ลิงค์ เอกสารต่อวีซ่า ซึ่งการกรอกข้อมูลจะคล้ายๆ กัน ยกตัวอย่างในกรณีด้านล่าง (ต่อวีซ่าเพื่อทำงานต่อในญี่ปุ่น) และที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ลืม บัตรไซริวการ์ด (ตัวจริง) และพาสปอร์ต ด้วย
1. กรอกข้อมูลส่วนตัว
เริ่มที่แผ่นแรก กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน พร้อมติดรูปถ่ายขนาด 3×4 เซนติเมตร (รายละเอียดรูปถ่าย)
2. กรอกข้อมูลการทำงาน/ประวัติการทำงาน
กรอกข้อมูลสถานที่ทำงานในปัจจุบัน และประวัติการทำงานที่ผ่านมา
3. ส่วนรายละเอียดของบริษัท
ผู้ยื่นต่ออายุวีซ่าจะต้องขอรายละเอียดในส่วนนี้จากบริษัท และให้ทางบริษัทลงตราประทับยืนยันที่หน้าท้ายสุด แต่โดยปกติแล้วทางบริษัทจะทำการกรอกเอกสารในส่วนนี้มาให้เลย (ติดต่อกับทางบริษัทก่อนว่าเรากำลังจะทำการต่อวีซ่า)
4. เอกสารแสดงรายละเอียดของวีซ่าแต่ละแบบ (ไม่ต้องยื่น)
ในส่วนนี้จะบอกถึงรายละเอียดของวีซ่าแต่ละแบบ และกรณีตัวอย่าง ซึ่งเอกสารแผ่นนี้ไม่จำเป็นต้องแนบไปตอนยื่นเอกสารต่อวีซ่า นำออกจากซองเอกสารที่จะยื่นได้เลย
วิธีเดินทางไป กรมตรวจคนเข้าเมืองโตเกียว (東京入国管理局)
เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงการเดินทางกันบ้าง ในบทความนี้นี้เราจะพาไปต่อวีซ่ากันที่ กรมตรวจคนเข้าเมืองที่ใหญ่ที่สุด นั่นก็คือ กรมตรวจคนเข้าเมืองโตเกียว (東京入国管理局) ตั้งอยู่ที่สถานี ชินากาว่า (品川駅) สามารถเดินทางไปง่ายๆ ตามขั้นตอนด้านล่างได้เลย
สถานีชินากาว่า สามารถเดินทางมาได้จากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น สายยามาโนเตะ (山手線), สายโทไกโด (東海道線), สายเคฮินโทโฮคุ (京浜東北線), สายโยโกสุกะ (横須賀線) เป็นต้น เรียกได้ว่าการเดินทางมาสถานีชินากาว่านั้นสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีชินากาว่า ให้เดินไปที่ประตูทางออกหลัก หรือ Central Gate (中央改札) และเนื่องจากสถานีชินากาว่าเป็นสถานีหลักซึ่งมาผู้คนพลุกพล่านตลอดเวลา จึงสังเกตุได้ไม่ยาก เห็นคนเดินไปทางไหนเยอะๆ ก็เดินตามไปได้เลย
เมื่อเดินมาถึงประตูทางออกหลักแล้ว ให้สังเกตุป้ายทางออกจะมีเขียนว่า 港南口(東口) Konan Exit ทางออกฝั่งตะวันออก ก็เลี้ยวตามลูกศรไปได้เลย
จุดสังเกตุของประตูทางออกหลัก (中央改札) อีกจุดหนึ่งก็คือจะมีนาฬิกาตั้งอยู่กลางทางเดิน ซึ่งเป็นนาฬิกา 3 ด้านสามารถมองเห็นได้จากทุกทิศทาง
เมื่อเดินออกมาจากเกทตรวจตั๋วแล้วก็ให้เลี้ยวขวามุ่งตรงไปที่ทางออกฝั่ง Konan โดยทางเดินจะเป็นอุโมงค์ใหญ่ดูอลังการและสังเกตุได้ง่ายมากๆ สามารถเดินตรงตามทางไปได้เลย
เมื่อเดินตามทางอุโมงค์มาสักพักก็เริ่มมองเห็นทางออกอีกด้านแล้ว (แต่ยังไม่ถึงทางออก Konan) ก็อย่ารอช้ามุ่งหน้าเดินต่อได้เลย
เมื่อเดินมาถึงปลายอุโมงค์ ด้านหน้าของเราจะเป็นห้าง atre สาขาสถานีชินากาว่า ด้านขวาจะเป็นทางเข้ารถไฟชินคันเซน ให้เราเดินตรงผ่านห้างไปได้เลย หรือใครหิวจะแวะหาอะไรทานก่อนก็ได้หากมีเวลา
เดินมาถึงห้างก็จะเห็นป้ายทางออก Konan ที่เราต้องไปอย่างชัดเจน อย่ารอช้าเดินไปที่ทางออกกันเลย ตรงนี้อาจจะต้องสังเกตุกันดีๆ เนื่องจากเราต้องนั่งรถบัสไป กรมตรวจคนเข้าเมืองโตเกียว (東京入国管理局) ซึ่งป้ายรถบัสจะมีเยอะมาก แต่ถ้าใครอยากเดินออกกำลังกาย ก็สามารถเดินไปได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่แนะนำในช่วงอากาศร้อนสักเท่าไร เพราะจะต้องเดินประมาณ 20 นาทีกันเลยทีเดียว
เมื่อเดินออกมาด้านนอกแล้วอย่าพึ่งรีบลงบันไดเลื่อนทางออกหลักด้านหน้า เพราะจะต้องไปที่ป้ายรถบัสซึ่งอยู่ทางด้านซ้าย ให้เดินไปที่ทางเชื่อมยาวไปถึงป้ายรถบัสได้เลย อย่ารอช้าเลี้ยวซ้ายไปกันเลยดีกว่า
เมื่อเดินเลี้ยวซ้ายออกมาจะเจอกับทางเชื่อมยาวโค้งๆ แบบนี้ ก็สามารถเดินไปตามทางได้เลย ระหว่างทางมีหลังคากันฝนให้ตลอด วันฝนตกก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเปียก
เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการเดินทางไปกรมตรวจคนเข้าเมืองโตเกียวมากมายในแต่ละวัน จึงมีป้ายยอกทางอย่างชัดเจน ว่ารถบัสที่จะไปกรมตรวจคนเข้าเมืองนั้นคือจุดขึ้นรถบัสเบอร์ 8 เราก็เดินตามทางต่อไปได้เลย
หลังจากเลี้ยวโค้งแรกมาแล้วก็ยังเจอป้ายอีก ว่าให้เดินตรงต่อไปตามทาง และลงบันไดไปก็จะพบกับจุดขึ้นรถบัสหมายเลข 8 จากจุดนี้เราก็สามารถมองเห็นรถบัสที่เราจะต้องขึ้นกันได้แล้ว
เมื่อเดินมาสุดทางเชื่อมก็จะถึงทางลงมาที่ป้ายรถบัส ซึ่งจะมีรถจอดรออยู่ตลอด เนื่องจากมีคนรอใช้บริการอยู่ตลอดวัน
รถบัสที่เราจะต้องนั่งไปกรมตรวจคนเข้าเมืองโตเกียว ก็คือรถบัสสาย 99 คันนี้นี่เอง ถ้าพร้อมแล้วก็กระโดดขึ้นรถกันได้เลย (ในวันที่คนเยอะมากๆ จะมีแถวรอขึ้นรถบัสค่อนข้างยาว)
จุดสังเกตง่ายๆ อีกจุดหนึ่งคือ รถบัสสาย 99 (จุเขึ้นรถบัสหมายเลข 8) นั้นจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแฟมิลี่มาร์ทนั่นเอง ใครหิวก็สามารถหาอะไรรองท้องกันก่อนได้เลย
หลังจากขึ้นบัสแล้ว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็เดินทางมาถึงกรมตรวจคนเข้าเมืองแล้ว! โดยให้ลงที่ป้าย Tokyo Nyūkoku-Kanrikyoku mae (Tokyo Regional Immigration Bureau 東京入国管理局前) หรือสังเกตง่ายๆ คือป้ายที่ผู้โดยสารต่างชาติลงกันเยอะๆ
ขั้นตอนต่อมา เนื่องจากเป็นช่วงโควิด19 ต้องรักษาระยะห่าง Social Distancing จึงมีการจำกัดจำนวนคนเข้าตึกซึ่งจะเปิดให้คนเข้าทุกๆ 15 นาที เมื่อลงรถบัสมาแล้วก็เข้าไปรับบัตรคิวตามทิศที่ลูกศรชี้ในรูปด้านบนได้เลย
ใครไม่อยากรอคิวเข้าตึกนาน แนะนำให้มาตั้งแต่เช้าเลยจะดีกว่า เพราะแอดมินเดินทางไปถึงช่วงเที่ยงซึ่งเป็นช่วงเวลาพักของพนักงาน และมีผู้เข้ามาใช้บริการค่อนข้างหนาแน่น จึงได้คิวตอนเวลา 15:00 น. กรุ๊ป B (รอเข้าตึกเกือบ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว!)
และที่สำคัญคือแถวกรมตรวจคนเข้าเมืองนั้น ไม่มีอะไรเลย! รอบๆ จะเป็นบริษัทส่งออก และท่าเรือ หากใครต้องการหาอะไรทานก็จะมีแค่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ด้านข้างของตึก หากใครอยากหาร้านกาแฟชิลล์ๆ นั่งฆ่าเวลาแล้วล่ะก็ ต้องย้อนกลับไปที่สถานีกันเลยทีเดียว
ปล. ห้ามทำบัตรคิวหายเด็ดขาด จะมีการเรียกดูหลายรอบ และต้องใช้ตอนยื่นเอกสารด้วย
หลังจากเดินเล่น หาอะไรกิน จนถึงเวลาที่ระบุในใบเข้าตึกแล้วก็ไปทำการต่อคิวได้ ซึ่งจะมีป้ายเขียนบอกอยู่ตลอดว่า เวลากี่โมง กรุ๊ปไหน ต้องไปเข้าแถวตรงไหน ซึ่งกรุ๊ป A และ B จะเข้าคิวกันคนละที่ตามภาพด้านบน ใครได้กรุ๊ปไหนก็ไปเข้าคิวให้ถูกที่ด้วยนะ ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนให้ออกจากแถวได้
ต่อไปจะเล่าถึงบรรยากาศด้านใน แต่เนื่องจากห้ามถ่ายรูปด้านใน จึงได้แค่มาเล่าให้ฟังเท่านั้น
ก่อนเข้าตึกจะมีการตรวจความปลอดภัยทั้งในตัวและในกระเป๋า (เหมือนที่สนามบิน) และมีเจลแอลกอฮอล์ให้ทุกคนล้างมือก่อนเข้าตึก เข้ามาแล้วจะมีโต๊ะประชาสัมพันธ์อยู่ หากใครมีข้อสงสัยสามารถเข้าไปสอบถามได้เลย แต่โดยปกติแล้วการต่อวีซ่าจะต้องขึ้นไปตรวจเอกสารและดำเนินการที่ชั้น 2 เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า มุ่งตรงขึ้นบันไดเลื่อนทางด้านขวาไปที่ชั้น 2 ได้เลย
จากนั้นให้ไปที่ช่องเคาน์เตอร์ B สีเหลือง (ขึ้นบันไดเลื่อนมาจะอยู่ด้านหน้าเลย) ตรวจเอกสารเสร็จเจ้าหน้าที่จะทำการบอกเราว่าขาดเหลืออะไรบ้าง แต่หากเอกสารครบถ้วนแล้วก็จะได้บัตรคิวเข้ายื่นเอกสาร และโปสการ์ดไปรษณีย์ (เพื่อแจ้งผล) มา ให้เราเขียนชื่อที่อยู่ให้เรียบร้อย และให้ไปรอที่เคาน์เตอร์ B สีส้ม ที่อยู่ข้างๆ กันได้เลย (มีที่นั่งให้รอที่เว้นที่ไม่ต้องกลัวจะใกล้ชิดกับคนอื่น)
พอถึงคิวของเราแล้วให้ยื่นเอกสารที่เคาน์เตอร์ B สีส้มนี้ แล้วเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะคืนบัตรไซริวการ์ดและพาสปอร์ตเรากลับมา เป็นอันเสร็จการยื่นเอกสาร
จากนั้นให้รอประมาณ 2-4 อาทิตย์ ใบแจ้งผลการต่อวีซ่าจะถูกส่งมาที่บ้าน หากผ่าน ก็จะต้องไปที่กรมตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้งเพื่อทำการรับบัตรไซริวการ์ดใบใหม่
สุดท้ายนี้แอดมิน tsunagu Japan ก็ได้เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ มาฝากเนื่องจากมีเวลาว่างหลายชั่วโมงให้ไปเดินชมธรรมชาติ (หรือเปล่า) บรรยากาศโดยรวมเป็นบริษัทโรงงาน ท่าเรือส่งออก-นำเข้าต่างๆ รถบรรทุก รถคอนเทนเนอร์เยอะแยะมากมาย ก็เป็นอีกมุมหนึ่งในญี่ปุ่นที่ใครหลายคนอาจจะไม่เคยเห็น ใครรอคิวนานๆ ก็มาเดินเล่นกันได้
หลังจากผลวีซ่าแอดมินออกแล้ว ก็จะมาอัพเดทวิธีการให้ฟังกันต่อว่าต้องทำอะไรต่อบ้าง วันนี้ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ
หลังจากรอผลวีซ่า ประมาณ 4 อาทิตย์
ในที่สุดจดหมายรายงานผลก็ส่งมาถึงที่บ้าน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ส่งเอกสารครบถ้วน ก็น่าจะผ่านฉลุย ได้วีซ่าใหม่กันทุกคนอยู่แล้ว อย่ารอช้ามาดูผลไปพร้อมๆกันเลย
ใบแจ้งผลที่ส่งกลับมาที่บ้านของเราจะมีอยู่ 2 ด้าน ด้านหน้าคือด้านที่เราเขียนชื่อที่อยู่ในวันที่ไปยื่นเรื่องขอต่อวีซ่า ส่วนด้านหลังจะเป็นด้านที่แจ้งผลซึ่งถ้าผ่านได้ต่อวีซ่าจะประกอบไปด้วย
- ในส่วนนี้จะมีแจ้งวันที่ที่ให้เราสามารถเข้าไปรับวีซ่าได้ (มีเวลาประมาณ 2 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมาย) และบรรทัดถัดมาจะบอกถึงเคาน์เตอร์ที่เราจะไปยื่นเรื่องก็คือที่ ชั้น 2 เคาน์เตอร์ A1 เวลา 9:00 – 16:00 น.
- ในส่วนที่ 2 จะแจ้งถึงเอกสารที่จำเป็นต้องนำติดไปด้วย คือ พาสปอร์ต, บัตรต่างด้าว (ไซริวการ์ด), สแตมป์ค่าใช้จ่าย ซึ่งแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน (สามารถซื้อได้ที่นิวกังในวันที่ไปได้เลย), บัตรคิว และจดหมายแจ้งผล สุดท้ายคืออื่นๆ กรณีที่ต้องการเอกสารเพิ่มเติม
เมื่อเอกสารพร้อม ได้วันเวลาที่สะดวกแล้ว ก็เดินทางไปที่นิวกังที่สถานีชินากาว่าที่เดิมกันได้เลย
เมื่อมาถึงก็รีบไปรับคิวเพื่อรอเข้าด้านในก่อนเลย รอบนี้เดินทางไปถึงตอน 12:30 น. คิวเข้าตอน 13:45 ซึ่งถือว่าไม่นานเลยเพียง 1 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น นั่งดูหนังฟังเพลงในโทรศัพท์แปปเดียวก็ถึงคิวแล้ว
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วให้ตรงไปหาซื้อ สแตมป์ ตามราคาที่ได้ระบุไว้ในใบแจ้งก่อนเลย (ซื้อได้ที่ Family Mart เข้ามาจะอยู่ด้านขวา มองเห็นได้ชัดเจน)
เมื่อเข้ามาใน Family Mart ให้เลี้ยวขวาเดินตามรอยประสีแดงไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเบอร์ 5 ได้เลย เพราะจะมีขายสแตมป์ที่เพียงเคาน์เตอร์เบอร์ 5 นี้เท่านั้น (หากไม่มั่นใจว่าต้องซื้ออันกันแน่ ให้แสดงจดหมายด้านหลังที่เราได้รับมาให้พนักงานดูได้ จากนั้นพนักงานจะหยิบสแตมป์มาให้เราเอง)
สแตมป์ก็จะหน้าตาเหมือนรูปด้านบนนี้ หากใครปริ้นใบจ่ายเงินมาด้วยก็สามารถติดและเซ็นให้เรียบร้อยได้เลย หรือถ้าใครไม่ได้ปริ้นมา ก็ไม่ต้องกังวล ตอนยื่นเอกสารเจ้าหน้าที่จะให้ใบจ่ายเงินให้เรามาติดสแตมป์ตรงเคาน์เตอร์ที่ยื่นเลย เอกสารทั้งหมดก็ครบแล้ว มุ่งหน้าไปที่เคาน์เตอร์ A1 กันได้เลย
ให้เดินขึ้นบรรไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 จากนั้นสังเกตุที่พื้น จะมีเส้นสีแดงที่เขียนว่า A1 ให้เราเดินตามเส้นสีแดงไปได้เลย ที่จุดสิ้นสุดเราก็จะพบกับเคาน์เตอร์ A1 ก็เข้าไปต่อคิวรอยื่นเอกสารได้เลย
แอบบอกว่าวันที่แอดไปถึงจะรอด้านหน้าไม่นาน แต่รอด้านในนานมากจ้า 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากคนเยอะมากๆ และบางคนใช้เวลาค่อนข้างนานในการออกวีซ่าใหม่ (โดนข้ามไปหลายเบอร์มากๆ) แนะนำให้ลงไปหาอะไรทานได้ที่ Family Mart ด้านล่างได้ หรือสะดวกนั่งรอก็ได้เช่นกัน
ในที่สุดก็ได้มาแล้ว บัตรใหม่ไฉไลกว่าเดิม อีก 3 ปีค่อยเจอกันใหม่ครัย วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีครับ
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่